Friday, September 23, 2011

Loyal Customer? Really?

บอกใครก็คงไม่มีใครอยากเชื่อว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนอิชั้นสั่งซื้อสินค้าของ Estee Lauder ถึง 3 ครั้ง ทำตัวอย่างกับเป็นเศรษฐี 555 หรือว่าเป็นบ้า 555 แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ สั่งเพราะโมโห ล๊อตแรกเลย..ต้องการสั่ง Clear Difference ซัก 1 ขวด เพราะขวดที่ใช้อยู่ใกล้จะหมดแล้ว แต่ลังเลนิดๆ แหม..นังเอสเต้หลังๆ มาชักยิว ให้ตัวอย่างแค่ 1 ชิ้น แล้วช้อยส์ที่ให้เลือกก็ไม่ค่อยดี คิดไปคิดมา ของจำเป็นต้องใช้ แล้วขวดนี้ก็ราคาอยู่ตรงก้ำกึ่งที่จะไม่ต้องเสียค่าส่ง ปกติโปรโมชั่นค่าส่งฟรีจะต้องซื้อครบ $50.- พอเช็คอีเมล์ก็เจอโปรโมชั่นค่าส่งฟรี สำหรับการซื้อตั้งแต่ $25.- เอาวะ แปะเอี่ย..ค่าส่งฟรีแต่ได้ของแถมชิ้นเดียวเน๊าะๆๆๆ ..สั่งเลย ไม่ต้องบวกนั่นนี่เข้าไปให้ครบ $50.- แต่ตัวอย่างที่ให้เลือกเพียง 1 ชิ้น เลือกยากมาก ไม่มีอะไรเจ๋งๆ เลย สุดท้ายก็เลือกน้ำหอมเสปรย์จิ๋ว Beautiful มา 1 หลอด จบไป 1 รายการค่ะ

SkinCarePage-20[2]

พอวันรุ่งขึ้นได้รีบอีเมล์จากเอสเต้อีก ค่าส่งฟรีตั้งแต่ $25.- และเลือกของแถมได้ 4 ชิ้น…อ้าว เว้ย เฮ้ย บ้าจริง เพิ่งสั่งไปเมื่อวาน แต่ว่า “งก” ค่ะ เพราะของแถมคราวนี้มีให้เลือกดีๆ น่าสนใจ คุ้มออกค่ะ เลยสั่ง Clear Difference เพิ่มอีก 1 ขวด พร้อมกับบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอก เพราะเป็นของที่ใช้ทุกวัน คุ้มๆๆๆ (จะได้ไม่รู้สึก guilt..55) ของแถมที่เลือกมา 4 อย่าง…

  • Sensuous Nude Eau de Parfum Spray Deluxe Travel Size 1 ขวด
  • Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex (10-Day Supply) 1 ขวด
  • Time Zone Night Anti-Line/Wrinkle Crème (7-Day Supply) 1 กระปุก
  • Time Zone Line and Wrinkle Reducing Crème (7-Day Supply) 1 กระปุก

จบไปอีก 1 รายการ พยามยามอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ปริปากบอกใคร เพราะละอายเล็กๆ ค่ะ 555

SkinCarePage-21

พอวันต่อมาได้รับอีเมล์จาก Macy’s เฮ้ยยยย…. อะไรอีกแล้ว โปรโมชั้นของเอสเต้ ของแถมบานเบิก รุกรน ลังเล เอาไงดีฟระคะ ใคร่ครวญ ไตร่ตรองอยู่นาน เพราะของที่ซื้อเก็บก็มีอยู่เยอะพอควร พ่อบ้านบอกอยู่เรื่อยๆ ว่า..ให้ดื่มกินเข้าไป..จะได้หมดเร็วๆ แล้วสั่งซื้อมาเพิ่มอีก 555 เป็นไงเป็นกันสิวะ สั่งเป็นสั่ง เพราะมีความตั้งใจอยู่นานแล้วว่า จะซื้อไอเท่มใหม่มาใช้ ถ้ามีโปรโมชั่นเริ่ดๆ อันนี้เรียกว่า “เริ่ด” ได้แล้ว เน๊าะๆๆๆ (เน๊าะกับตัวเองค่ะ เพราะไม่รู้จะไปเน๊าะกับใคร 555) ไอเท่มที่ว่าคือ Idealist Even Skintone Illuminator ซึ่งขนาด 1.7 oz ราคา $85.- ก็จะได้ของแถมทุกชิ้น พร้อมกับค่าส่งฟรี มาดูกันค่ะว่าอิชั้นได้อะไรมาบ้าง

ของแถม 7 ชิ้นแรก..เมื่อซื้อครบ $35

  • Sumptuous Bold Volume Lifting Mascara in Black (10-day supply) 1 แท่ง
  • Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex (deluxe 14-day supply) 1 ขวด
  • Soft Clean Tender Creme Cleanser (deluxe travel size) 1 หลอด
  • Estée Lauder pleasures Eau de Parfum Purse Spray 1 ขวด
  • Chic Cosmetic Bag 1 อัน
  • Plus a sample of NEW Sensuous Nude 1 หลอด
  • Lip and eye shades (Warm Neutrals): เค้านับเป็น 1 รายการ แต่ มี 2 ชิ้นค่ะ

· Pure Color Long Lasting Lipstick (full-size) in Barely Nude Cream 1 แท่ง สีนี้งามมากๆ นู้ดออกส้ม ถูกใจจริงๆ ค่ะ

· Pure Color EyeShadow Quad with Nude Fresco, Sandbar Beige, Pretty Penny and Ivy Envy. อายชาโด้ว์ของแถม..ไม่เคยได้ใช้เลย ให้ลูกเล่นตลอด เพราะมีเยอะมาก ตอนกลับเมืองไทยคราวก่อน ก็เอาให้พี่สาวไปแบ้่งๆ คนอื่นใช้

ของแถมชุดต่อมา {PLUS Spend $65 & get more! Choose a deluxe moisturizer duo to add to your gift! (Up to $130 total value) โวมากไปหน่อย 2 กระปุกนี้ไม่ถึง $130 หรอก ถ้าเป็นฟูลไซ้ส์ก็ใช่อยู่} 2 กระปุที่แพ๊คมาในกล่องลายเดียวกับกระเป๋า มี Anti-Wrinkle, Day and Night: Time Zone Line and Wrinkle Reducing Creme SPF 15 กับ Time Zone Night AntiLine/Wrinkle Crème (deluxe sample size .5 oz / 15 ml) อย่างละ 1 กระปุก ^รูปข้างบน^ รูปแรกเป็ชุดที่ได้แถมมาตามลิสต์ข้างบนค่ะ รูปถัดลงมาเป็นรวมของทั้ง 3 ล๊อตค่ะ

SkinCarePage-22

ขอพูดถึงของแถมของเอสเต้นิดนึงค่ะ ของแถม (ของตัวอย่าง) ของเอสเต้ไซ้ส์ปกติ 7-day supply จะเป็นขนาดเล็กสุดค่ะ (จากรูป) แต่หลังๆ เป็นมีเป็นแบบซองๆ แล้วค่ะ (ชักงกไปกันใหญ่) แต่ถ้าของแถมเป็น Deluxe sample size .5 oz / 15 ml ซึ่งเค้าจะบอกไว้ว่าเป็น 15-day supply นานๆ จะแจกกันซักครั้ง อิชั้นใช้ได้เต็มๆ เดือนเลยนะคะ ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ทาแบบไม่งก ชอบๆๆๆ ของฟรีใครๆ ก็ชอบนิ เวลาได้ของแถม หรือขนาดฟูลไซ้ส์มา อิชั้นจะเขียนเดือนปีกำกับที่ก้นขวดหรือกล่องทุกครั้งค่ะ เพราะเวลาหยิบมาใช้จะได้เรียงตามลำดับก่อนหลังที่ซื้อมาค่ะ

SkinCarePage-23

รูปนี้เป็นเซอไพร้ส์…. พอเปิดกล่องออกมาเห็นถุง Lab Series ก็เอ๊ะ รายหว่า พอเปิดดู เป็นตัวอย่างชุดครีมโกนหนวด อ๊าฟเต้อร์เชฟ และโลชั่น ตัวอย่างน้ำหอม Poppy ของ Coach และ Beyoncé ซึ่งห่อมาเป็นแบบท๊อฟฟี่น่ารักดีค่ะ แต่ยังไม่ได้ลองดมเลยค่ะ นอกเหนือจากในรูป เค้าใส่ตัวอย่างน้ำหอมแบบแผ่นกระด่าษมาด้วยหลายกลิ่น (เหมือนที่แทรกมาในแมกกาซีนต่างๆ ไม่รู้เค้าเรียกอะไร 555) เอาไปใส่ในรถแล้วค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน

ซื้อสินค้าเอสเต้ 3 ล๊อตนี้แล้ว รู้สึกแย่นิดๆ กับ 2 ล๊อตแรก เพราะโปรโมชั่นที่เค้าส่งเมล์มาเหมือนกับเค้าไม่ค่อย sincere กับลูกค้าที่แสนดีอย่างอิชั้น 555 ลืมบอกไปว่าโปรโมชั่นของแถม 4 ชิ้นนั้นแค่ 24 ชม.นะคะ ต้องรีบให้ไวเลยค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้โทรไป complain อะไรทั้งนั้น ช่วงนี้เบื่อๆ หน่าย ชีวิตยุ่งๆ นิดหน่อยค่ะ แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าหรอกค่ะ เพียงอิชั้นออเด้อร์ “ผิดจังหวะ” เร็วไป 1 วัน เลยทำให้มีของเพิ่มมาใน “กรุ” มากไปนิดนึง 5555

 

Thursday, May 05, 2011

แปะมือกันป่วย…หมอรวยตามเคย

ตลอดเดือนที่ผ่านมาอิชั้นกับลูกชายก๊อตตี้ผัดกันป่วย ลูกเอาเชื้อโรคมาฝากจากโรงเรียน เป็นหวัดไอจนตัวโก่งน่าสงสาร ไม่กี่วันต่อมาแม่ก็เป็นหวัด ไอ แบบหนักมาก ไอแบบเลือดออกมาเลย ไอจวนปวดท้อง ฉี่เล็ด ไอที่เจ็บซี่โครง ไอจนเหนื่อย นั่งร้องไห้เลยค่ะ พอลูกค่อยยังชั่วหน่อยนึงก็มาทวงเอาเชื้อโรคคืนจากแม่ ลูกป่วยงอมอีก มีช่วงนึงที่อิชั้นเป็นแบบหนักๆ นอนซมเลยก็ 4-5 วัน ต้องลากสังขารขับรถรับ-ส่งลูก กินยาเป็นตะกร้า หนูดีโตพอที่จะหากับข้าวกับปลากินเองได้ แล้วอาหารโฟรสเซ่นก็ซื้อไว้เต็มตู้เย็น แต่ไอ้ตัวเล็กสิคะ อิชั้นยังต้องไปหุงหา (บางที่ยังต้องป้อน) ขุนให้เสร็จๆ วันละ 2-3 ครั้ง ส่วนตัวเองช่วง 4-5 วันนั้น น้ำหนักหายไป 9 ปอนด์ ชอบจังเลย แต่ไม่ชอบตรงที่ป่วย พอฟื้นตัวมาหน่อยก็ฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้า ได้คืนมาหมดทุกกิโลทุกขีดแล้วยังได้แถมมาอีกหน่อย

page-673สก๊อตตี้ที่โรงเรียนวัน Easter Party ค่ะ

ตอนกลางๆ เมษาก็พาพ่อบ้านไปโรงพยาบาลทำ colonoscopy ซึ่ง 2-3 วันก่อนหน้าก็ต้องมีการเตรียมตัว ล้างไส้ล้างพุง ห้ามกินโน่นกินนี่ ต้องดื่ม solution ที่รสชาติ “โคตรโหด” เป็นแกลลอน ตามเวลาที่เค้ากำหนดมา (เคยต้องดื่มไอ้โซลูชั่นนั่นตอนที่ผ่าตรูด จำได้ว่ารสชาติ so nasty กว่าจะหมดขวดแทบตายเลยค่ะ) อีกอย่างนึงที่น่ารำคาญมาก คือ ผู้ชายนะคะ จริงๆ แล้วใจเสาะ ขี้กลัว กว่าผู้หญิงเยอะเลย ('MythBusters' confirms whether women tolerate pain better than men.) กลัวๆๆๆ บ่นๆๆๆ ตลอดเวลาที่รู้ว่าต้องทำเทสต์อันนี้ (เกือบๆ 1 เดือน) พูด พล่าม บ่น สงสัย กังขา แพล่มๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา เบื่อหน่ายมาก อิชั้นเหนื่อยหน่ายที่ต้อง “ฟัง” จนต้องตะหวาดแว๊ดกลับไปหลายหน กรู….ผ่าตรูด 2 ครั้ง ผ่าคลอด 2 หน แต่ละหนหมอผ่าขาดกลางครึ่งตัวเลย ไม่บ่นซักคำ แล้วก็ยังไม่ตาย แค่ต้องโดนหมอเอากล้องเสียบตรูด (ไม่ใช่กล้อง DSLR หรือ กล้องส่องดูดาวซะหน่อย 555) แถมเค้าให้ดมยาสลบด้วย โอ้ยยยย… เบื่อ ตอนนี้ค่อยสบายหูไปหน่อย เพราะจบไปแล้ว แต่ก็ต้องขับรถบริการอยู่ 2-3 วันหลังจากทำเสร็จ ตามหมอสั่ง ขนาดตัวเองป่วยๆ ก็ยังต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี หรือ subservient wife  (ฟระ) เพราะเบื่อไม่อยากบ่น ไม่อยากทะเลาะกับ whining old man อดทน นับถอยหลัง ให้มันจบๆ เสร็จๆ ซะทีจะได้สบายหู เฮ้อออ…… 

page-671พ่อหยุดอยู่บ้านบ่อยๆ เด็กๆ เลยได้ออกไปไหนๆ บ่อย Eat-Out บ่อยและได้ของเล่นใหม่แทบทุกวัน

เอาวิธีปฏิบัติตัวก่อนทำ colonoscopy มาให้อ่านค่ะ ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดมีให้อ่านเยอะเลย กูเกิ้ลคำว่า colonoscopy ดูค่ะ

How to Prepare for the Colonoscopy Test

You will need to completely cleanse your intestines. Your health care provider will give you instructions for doing this. This may include a combination of enemas, not eating solid foods for 2 or 3 days before the test, and taking laxatives. You will usually be told to stop taking aspirin, ibuprofen, naproxen, or other blood-thinning medications for several days before the test.

You will be asked to drink plenty of clear liquids for 1 - 3 days before the test. Examples of clear liquids are:

  • Clean coffee or tea
  • Fat-free bouillon or broth
  • Gelatin
  • Sports drinks
  • Strained fruit juices
  • Water

Unless otherwise instructed, continue taking any regularly prescribed medication. Stop taking iron medications a few weeks before the test, unless your health care provider tells you otherwise. Iron can produce a dark black stool, which makes the view inside the bowel less clear.

Outpatients must plan to have someone take them home after the test, because they will be woozy and unable to drive.

page-667ก๊อตตี้เน่าๆ หลังเลิกเรียน และเด็กๆ ที่ร้านว๊าฟเฟิ่ลแสนโปรด อยากทำว๊าฟเฟิ่ลได้เจ๋งๆ แบบนั้นจังเลย กรอบนอก-นุ่มใน ซื้อกลับมาแช่ตู่เย็น 3-4 วัน เออใส่เตาติ๊งแป๊บนึง ออกมากรอบนอก-นุ่มใน หอมเหมือนใหม่สดจากร้านเลยค่ะ

หลังจากทำส่องกล้องลำไส้ใหญ่เสร็จ อีกสัปดาห์ต่อมาพี่แกก็ต้องไปทำ biopsy ตับ คราวนี้ก็โวยวายติดต่อกันหลายวันไม่หยุดเหมือนเดิม เบื่อฟังมากๆ (ที่เอามานินทา ไม่ใช่ไม่รักนะคะ รักอยู่แล้วววว….. จะบ้าบอคอแตกก็ต้องรัก เพราะเป็นคนหาเลี้ยง 5555) ที่บ่นมากมายเพราะเค้าไม่ได้วางยาสลบ แต่จะฉีดยาให้ชาบริเวณที่จะถูกเจาะเท่านั้น หมอจะใช้เข็มเจาะรูที่พุงกะทิแล้วก็ทำพิธีทิ่มแล้วดูดตับออกมา 2 ชิ้น (หลอด) เพื่อไปตรวจ คิดดูเอาเถิดคุณๆ คะ ไอ้เครื่องมือก็จิ๋วนึง ไม่ใช่มีดอีโต้ คงไม่เอาตับออกมาจนไปทำตับหวานตับย่างรับทานได้หรอก อีตานี่ก็บ่น กลัวตาย ทำมห้อิชั้นต้อง bluff กลับไปว่า นี่ๆๆๆๆ แกๆๆๆๆ ช้านนน…ต้องทำ Amniocentesis ตั้งสองครั้งสองคราตอนท้อง ไม่สลบ ไม่ฉีดยาชา ทิ่มกันสดๆ เข็มเท่าเข็มฉีดฟาย ดูดเอาของเหลวออกมาหลอดเบ้อเริ่มเทิ่ม พอเสร็จปุ๊บ-ปิด “ปั๊ดเต้อ” กันน้ำรั่วซึมเสร็จ กลับบ้านได้ อีพ่อบ้านก็บ่นๆๆ ว่าไอ้ที่เราถูกกระทำน่ะเล็กน้อย แต่เค้าจะมาเอาชิ้นตับไปนี่เรื่องใหญ่ ก่อนทำต้องงดยาบางชนิดประมาณ 1 สัปดาห์ มีข้อปฎิบัติไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ พอทำเสร็จก็ห้ามขับรถเหมือนเดิม ลางานอยู่บ้านก่อน-หลัง procedure เพราะกลัวตาย+ขี้เกียจ และชักติดใจที่ไม่ต้องไปทำงาน 555 พอข้ามคืนก็บ่นว่าปวดท้อง หมออู๋จัดยาให้ก็หายดี แต่ก็ยังนั่งคลำ นอนคลำ เดินคลำ ไอ้ปั๊ดเต้อที่เค้าปิดรูที่ถูกเจาะตลอดเวลา แผลกะติ๊ดนึง ไม่ต้องเย็บเลย ใจเสาะจริงๆ

page-672พ่อบ้านทำหน้าเหมือนเมา ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ดูด ไม่ดื่ม พากันไปดินเน่อร์ร้านหะรูหะรานิดๆ แถว Tower District เพราะได้ Voucher มาค่ะ ค๊อกเทลแก้วนั้นของอิชั้นค่ะ อร่อยและหนักดี เอสคาโก้ และ Basque ซีฟู้ดส์ซุป ก็ของอิชั้นค่ะ ลูกๆ และพ่อบ้านกินอะไรกันบ้างก็ไม่รู้ แม่มันมาวววววว….. ป่วยแล้วเมา หลับลึกดีนักแล…

การที่ต้องเอาเนื้อตับไปตรวจ (จากที่อ่านๆ มาค่ะ ไม่ได้เป็นหมอเด้อค่ะเด้อ แต่อยากจะมาสรุปให้อ่านได้เข้าใจง่ายๆ ค่ะ) วิธีการจริงๆ คือ เข็มขนาดใหญ่จะแทงเอาเนื้อตับแล้วตูดออกมา แล้วตับเป็นอวัยวะเพียงอย่างเดียวของมนุษย์ที่ heal ตัวเอง และงอกออกมาคืนขนาดเท่าเดิมได้ แต่ไม่ใช่ตับเสียมากๆ ทั้งยวงแบบมะเร็งนะคะ อันนั้นหมอต้องตัดส่วนที่เสียทิ้งไป หากเหลืออยู่ไม่มากร่างกายก็ฟังชั่นก์ไม่ดี ไม่เหลือเนื้อตับดีๆ มากพอให้สร้างเนื้อตับขึ้นมาใหม่ ต้องขอบริจาคมา implant ต่อไป ส่วนคนที่ให้บริจาคตับ หมอก็จะตัดไปเท่าที่ไม่ทำร้ายระบบร่างกายของผู้บริจาค หลังจากพักฟื้นไม่กี่วันก็สามารถกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ ส่วนตับก็จะค่อบๆ ทำการเยียวยาแผลที่ถูกตัดและเจริญเนื้อตับออกมาจนเท่าเดิมได้ภายในไม่กี่เดือนค่ะ

page-669ก๊อตตี้ดื้อๆ ซนๆ ที่โรงพยาบาลตอนรอให้หมอล้วงตับพ่ออยู่ค่ะ ได้ Red Velvet Cupcake มาช่วยกู้ภัยลดความซนนิดนึงค่ะ

เอาวิธีปฏิบัติตัวก่อนทำ liver biopsy มาให้อ่านด้วยค่ะ ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดมีให้อ่านเยอะเลย กูเกิ้ลคำว่า liver biopsy ดูค่ะ

How does a person prepare for a liver biopsy?

At least 1 week before a scheduled liver biopsy, patients should inform their doctor of all medications they are taking. Patients may be asked to temporarily stop taking medications that affect blood clotting or interact with sedatives, which are sometimes given during a liver biopsy.

Medications that may be restricted before and after a liver biopsy include

  • nonsteroidal anti-inflammatory drugs, such as aspirin, ibuprofen, and naproxen
  • blood thinners
  • high blood pressure medication
  • diabetes medications
  • antidepressants
  • antibiotics
  • asthma medications
  • dietary supplements

Prior to liver biopsy, blood will be drawn to determine its ability to clot. People with severe liver disease often have blood clotting problems that can increase the risk of bleeding after the procedure. A medicine given just before a liver biopsy, called clotting factor concentrates, reduces the risk of bleeding in patients with blood clotting abnormalities.

Patients who will be sedated should not eat or drink for 8 hours before the liver biopsy and should arrange a ride home, as driving is prohibited for 12 hours after the procedure. Mild sedation is sometimes used during liver biopsy to help patients stay relaxed. Unlike general anesthesia where patients are unconscious, patients can communicate while sedated but then often have no memory of the procedure. Sedatives are often given through an intravenous (IV) tube placed in a vein. The IV can also be used to give pain medication, if necessary, after the procedure.

liver-biopsy

หลังจากพ่อบ้านต้องเข้าออกโรงพยาบาลติดๆ กัน ต้องลางานอยู่บ้านหลายวัน มันช่างประหลาดๆ ค่ะ เพราะปกติพ่อบ้านใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าอยู่บ้าน พอพี่แกต้องมาเดินเกะกะเพ่นพ่านในบ้านติดต่อกันทีละหลายๆ วัน มันแปลกๆ จะทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาอิชั้นไปหมด เหมือนโดนปล้นพื้นที่ในบ้าน territory entrapment ทีวีก็แย่งกันดู หนีไปดูในห้องนอน ก็ตามไปเปลี่ยนช่อง นอนดูขวางโลก ให้หงุดหงิด แต่ไม่อยากอาละวาด พยายามบอกตัวเอง be happy นานๆ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงติดกันหลายๆ วัน แต่.. แอร๊กกกกก…… ไม่ไหวค่ะ พอนึกอย่างมีเหตุผลแบบไม่เข้าข้างตัวเอง คำตอบคือ อิชั้นอาจจะกำลังถูก menopause attacks อะไรๆ เลยดูไม่ถูกใจไปหมด หงุดหงิดง่าย แล้วอิชั้นก็ป่วยๆๆๆ ไม่สบายเนื้อสบายตัว เลยพาลให้ไม่สบายใจ ปวดหัว ปวดตา ไม่อยากขับรถไกลๆ พอถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน พี่แกก็โทรไปลางานเพิ่มอีก 2 วัน อ้าว..เว้ย..เฮ้ย..อารายว้าาาา……

page-670เด็กๆ เจริญอาหารที่ IHOP - International House of Pancakes แม่ไม่สบาย พ่ออยู่บ้าน โห่กันไป IHOP หลายหนเลยค่ะ เพราะเป็นช่วงที่ Kids Eat Free พอดี เลยราคาน่าร๊ากกกก……

พอพ่อบ้านหยุดอยู่บ้านในขณะที่ลูกๆ ไปโรงเรียน มันก็มีดีอยู่บ้าง คือ พ่อบ้านไปรับลูกๆ ให้ (แต่ไม่ยอมไปส่งให้หรอกนะคะ ให้อีตาคนนี้ตื่นเช้า เหมือนให้ไปตาย เผลอๆ มีศึก) ใช้ไปซื้อกับข้าวกับปลาได้บ้าง แค่นั้นจริงๆ 555 จากที่ตั้งใจจะมาบ่นเรื่องป่วยๆ ไข้ๆ กลายเป็นมานินทาพ่อบ้าน 555 แล้วก็เล่าเรื่อง “สะพรึง” เล็กๆ 555

 page-675

IHOP อีกแล้ว งานนี้ก๊อตตี้โดนพ่อดุเพราะซนและวุ่นวายเหลือเกิน ตอนนั่งอยู่กับแม่ยิ้มแย้มแป้นแล้นเชียว พอพ่อย้ายสลับไปนั่ง 555 ก๊อตตี้กินแพนเค้กเคล้าน้ำตา 55555 สมน้ำหน้ามากกกก…..

กลับมาที่อิชั้นกับลูกๆ งานนี้ buffy รอมมี่ ไม่ป่วยค่ะ มีขี้มูกยืดกับไอนิดหน่อย เมื่ออาทิตย์ก่อนอิชั้นก็เริ่มไออีก คราวนี้งอมหนักกว่าเดิม ทุกข์จริงๆ ค่ะ จัดหายากินเอง จนเชื้อโรคดื้อยาแหละ พอวันอาทิตย์ตื่นมาขี้ตาเกรอะกรัง แดงกล่ำ น่ากลัวมาก จัดการแล่นไปวอลมาร์ทซื้อยาหยอดตาสำหรับโรคตาแดง หมั่นหยอดทั้งวัน ก็ไม่ทุเลา เลยนึกถึงยาแก้อักเสบที่มีเก็บไว้ (ไม่ได้เอาออกมากินก่อนหน้านี้เพราะหวัดเกิดจากแบคทีเรีย กินไปก็เสียเปลาค่ะ) เอาออกมาจัดการซะ เผื่อจะช่วยเรื่องเชื้อโรคตาแดง-ตาอักเสบให้ทุเราได้บ้าง พอเช้าวันจันทร์ออกไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จก็เลยไปโรลพยาบาลดพื่อทำนัดหมอ หมอก็คิวเต็ม เจ้าหน้าที่ก็บอกมานั่งรอ walk-in ละกัน (ไม่โทรไปทำนัดเพราะมีบทเรียนกับบริการหน้าเคาน์เต้อร์ รพ. นี้ “ห่วย+ขี้เกียจ+negligence” แบบได้โล่ห์ เยสๆๆๆ โอเค.. โอเค.. พอเรา show-up ไม่มีนัด-เนิ๊ดอะไรเลย ไปนั่งรอเงกแบบพวก walk-in เลยต้องไปทำนัดแบบ “ตาต่อตา” ค่ะ) เช้าวันอังคารก็บึ่งไปแต่เช้าหลังจากส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ โหยยยย….. คนเต็มเลย ทำใจไว้ก่อนเลยว่าต้องนั่งจนรากงอกแน่ เลยไปนั่งจอหน้าทีวี กะดูทีวีแห้เซ็ง แต่ผิดคาดรอไม่นานเลยค่ะ (30 นาทีได้) พอเข้าไปรอในห้องตรวจก็ไม่นานอีก ฟลุ๊คมากๆ น้องหมอ Karl ทักทายเหมือนเพื่อนสนิท ปึ๊งแฟ้มประวัติก็ไม่เอาเข้ามา ส่องจมูก คอ แหกหู แหกตา ตรวจแป๊บๆ ก็เสร็จ บอกว่าอิชั้นเป็น Allergy Attack แบบ servere จะมา อัลเลอ“จ้ง-จี้” อะไร กินยาภูมิแพ้ทุกวัน เฮ้อออออ….

page-674ช่วงที่แม่ไม่สบายนอนซม บางวีคเอนด์ก็ได้ Eva กับแฟนหนุ่มพาเด็กๆ ไปพาร์คมั่ง ไปเลคมั่ง ดีกว่านอนดูโทรทัศน์ทั้งวัน

มันต้องไม่ใครก็ใคร (บักหมอคาร์ลหรืออิชั้น) ที่ misdiagnosed พอเจอหมออิชั้นก็บอกแบบผู้ (อวด) รู้ว่า อิชั้นเป็น super bad cold & cough เป็นๆ หายๆ มากว่าเดือน พอเมื่อไม่กี่วันก็ดันเป็น pink eyes อีก อีหมอคานก็บอก ตายังแดงอยู่มาก แต่น่าจะไม่ใช่โรคตาชมพู 5555 ฝรั่งตั้งชื่อโรคได้น่ารักดีเน๊าะ เอายาไปหยอดละกัน แล้วอาการภูมิแพ้ก็น่าห่วงมาก เดี๋ยวให้พยาบาลมาฉีดยาให้นะ อยากให้เปลี่ยนยาแก้ภูมิแพ้เป็นแบบ super extremely strong allergy medicine นะ (โห…จะอะไรกันนักกันหนา ตอนนี้ก็กินยาวันละเป็นกำๆ คงจะต้องตายเพราะยาละมั๊งตรู ยังจะมาให้กินค่อตพ่อค่อตแม่ antihistamine เบื่อว่ะ) แล้วก็เปิดแน่บออกไป ซักพักพยาบาลเข้ามากับเข็มฉีดยา 1 หลอดในถาดเล็กๆ ก่อนจะฉีดก็ให้อิชั้นเซ็นยินยอมถึงรู้ว่าใน syringe เล็กๆ หลอดนั้นเป็น cocktail ของยา 2 ชนิด (จำชื่อไม่ได้ แหะๆ) พอพยาบาลบอกให้นอนคว่ำเพราะจะฉีดที่ก้น อิชั้นก็ถามไปว่ายาในหลอดนั้นมีอะไรที่เป็น sulfa group หรือปล่าว If “YES”… call ambulance, I need to go straight to ER pretty quick. เธอก็อึกอัก-ขอตัววิ่งไปถามหมอ พอกลับเข้ามาก็บอกว่าปลอดภัย Nothing is Sulfa! จัดการทิ่มฉึก จบ เสร็จ ได้ใบสั่งยา อีหมอคานโผล่หน้ามา Happy Mother’s Day, Bye! Oh….I need to see you in 2 months. I'll let the staff know you need be here for your follow-up appointment. Bye Darling! แว๊ก 555 มันเป็นตุ๊ดแหงๆ เลย ยิ่งเจอยิ่งตุ้งติ้ง 5555 น่าร๊ากกกกก……

page-666ยาที่ได้มาล๊อตล่าสุด กับกองยาที่ขนกินเข้าไป จริงๆ มีอีก 2-3 กล่องที่กินไปหมดไม่เหลือซากให้ถ่ายรูป NyQuil ที่เห็นในรูปเป็นขวดที่ 2 ถ้าถ่ายรูปตั้งๆ ก็จะเห็นได้ว่าเหลืออีกแค่ “กรึ๊บ” เดียว ยาอมหมดไป 3 กล่อง เปิดเครื่อง steam warm mist ทั้งวันทั้งคืน

พอออกจากโรงบาลก็แจ้นไป CVS ซื้อหายาตามใบสั่ง (ปกติต้องไปซื้อยาที่ Target เฟสโน่นู้นนนน…. แต่ป่วยหนักแล้วน้ำมันก็แพงโคตร เลยต้องไปซื้อที่ CVS ซึ่งอิชั้นเคยฟาดหัวฟาดหางไว้ที่นั่นอยู่หลายหน 555 เสียฟอร์มน่าดู แต่โชคดีที่พวกเทคนีเชี่ยนหน้าใหม่ๆ ทั้งหมดเลย) รออยู่ไม่นานก็ได้ยามา ทั้งๆ หมด 4 อย่าง จ่ายไป $74.79 มียากินแก้โรคภูมิแพ้ 30 เม็ด ยา Vicodin 30 เม็ด แล้วยาหยอดตา 2 ขวดจิ๋วๆ อันนึงเป็นยาแก้แพ้ อีกอันเป็นยาหยอดแก้ตาอักเสบ ยังไงวะ ไหนบอกว่าไม่ใช่ตาแดง แล้วจ่ายมาทำไมเนี่ย พวกหมอๆ ก็ต้อง “save their asses” เป็นธรรมดา คนไข้บ้านนี้เมืองนี้ก็เลยถูกรักษาแบบ over treatment ดีนะว่าไอ้ยานั่นหลอดไม่ถึง 2 เหรียญ คือประกันคัฟเว่อร์เกือบหมด แต่ไอ้ยาหยอดแก้แพ้นั่นหลอดตั้ง 22 เหรียญ (แค่ 20% ของราคาจริงนะคะ ฮึ่ม) ส่วนที่แพงที่สุดคือไวโคดีน (“ฝิ่น” ตามใบสั่งอย่างถูกกฏหมายของอิชั้น 555) 30 เม็ด $39.98 ถ้าเป็น generic ก็ประมาณ $4 for 30 tablets อิชั้นต้อง “เสพ” ยาตัวนี้ประมาณเดือนละ 5-6 เม็ด เวลาที่ปวดท้องปริศนา (ไม่มีหมอคนไหนหาสาเหตุเจอมากว่า 40 ปี 555 ถึงเรียกว่า “ปวดปริศนา” 555) ไอ้ 30 เม็ดที่ได้มา-อยู่ได้หลายเดือนค่ะ อิชั้นไม่ติดยานี้นะคะ แต่ยานี้ช่วยได้มากเวลาปวดปางตายแบบอิชั้น เคยใช้แบบ generic เพราะงก แต่มันไม่เห็นผล เหมือนกิน Tylenol ยังไงอย่างงั้น เวลากินยาตัวนี้เข้าไป พอยา kick ปุ๊บ จะรู้สึกแปลกๆ อธิบายยาก ง่วงๆ เหมือนอยู่ในวังวน twilight zone 5555 บางทีรู้สึกคลื่นไส้ ถ้านอนก็ “หลับปุ๋ย” สบายเชียวค่ะ ถ้ากินตอนขับรถ (อิชั้นทำบ่อยๆ เพราะความจำเป็น) อึ๋ย กึ๋ย น่ากลัวค่ะ เพราะเบลอๆ ลอยๆ เบาๆ แต่ไม่ยักง่วง จบเรื่องยาบ้าดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนๆ จะอยากลอง 5555

Vicodin เป็นยาบรรเทาอาการปวด เป็นยาผสมระหว่าง ยาเสพติดที่ใช้บรรเทาอาการปวด (Narcotic analgesics) กับยาแก้ปวด ลดไข้ กลุ่ม Acetaminophen (Paracetamol) ยานี้มีคุณสมบัติ เมื่อใช้เป็นประจำ และบ่อยครั้ง จะทำให้ติดยา และต้องเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติ Vicodin ใช้เรียกแทนสาร Hydrocodone ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฝิ่น (Opiate antagonist) มีสูตรทางเคมีคือ C18 H21 NO3 ในประเทศ สหรัฐอเมริกา จัดให้ สารนี้ เป็นสารควบคุม ตามกฎหมายของ Control Substance Act โดยจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 (Schedule II ) ซึ่งสารอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ morphine, cocaine, methamphetamine (ยาบ้า) และ Methadone เป็นต้น ซึ่งในประเทศไทย กำหนด ให้เป็นยาเสพติด ประเภท 2 (ประกาศกระทรวง สาธารณสุขฉบับที่ 135 พ.ศ. 2539) ในประเทศ สหรัฐอเมริกา การซื้อ vicodin ต้องใช้ ใบสั่งแพทย์ เพื่อให้มีการดูแล การใช้ อย่างใกล้ชิด แต่ พบว่ามีการขายอย่างแพร่หลายทาง e-commerce โดยมีชื่อการค้าต่างๆ กัน

http://www.dmsc.moph.go.th/chiangmai/hotissue04.htm

page-668วีคเอนด์ที่ค่อยยังชั่วก็ทอดกล้วยหอมให้ลูกผัวกินกันอร่อย เอา New York สเต๊กที่เหลือมาจาก Eat Out เอามา หั่น โยนใส่เตาติ๊ง แล้วทำยำเนื้อรสแซ่บทานกับพ่อบ้าน  (ในรูปยังไม่ได้เอาไปอบค่ะ) ส่วนพ่อบ้านก็ทำสปาเก๊ตตี้มีทซ๊อส signature ของพี่แก  ทำหม้อใหญ่เลย  กินกันได้หลายวันMeaty มากๆ ชามที่เห็นในรูปเป็นของอิชั้น ที่จานเลอะๆ เพราะเป็นรอบที่สอง ทานกับมะกอกดำ    อืมมม….หย่อย

เลิกพูดเรื่องยาดีกว่า จากนี้ก็ภาวนาให้หายป่วยเร็วๆ ไม่สบายแบบนี้นานๆ มันเหนื่อยค่ะ และสงสารลูกด้วย เหมือนลูกๆ ถูกทิ้ง เวลาแม่ไม่สบายก็มานอนกองดูทีวีบนเตียงแม่ เลยจะพาลป่วยกันไป ป่วยกันมา ไม่มีวันจบ นี่กะว่าตาหายแดงซักนิดจะพาลูกๆ ไปว่ายน้ำค่ะ และอิชั้นจะกลับเข้า gym อย่างจริงๆ จังๆ เสียที เสียดายตังค์ค่าสมาชิกค่ะ ปีละหลายอยู่ (กลัวผัวด่าด้วย 5555 โน๊…โน่… ปล่าวกลัว ….เกรงใจคนจ่ายตังค์ตะหาก 5555)

All happy families resemble one another,

each unhappy family is unhappy in its own way.

2725626745_2a599f90c5

Saturday, April 23, 2011

I'm half alive...sick like a dog!

เริ่มจากไอ้ตี้ไอแค่กๆ นำหน้าอยู่ 2-3 วัน ก็ถึงคราวอิชั้นไอโคร่กๆ ตลอดวันตลอดคืน กินยาเป็นขนมเลย เพราะอยากหาย สงสารลูกมากกว่าตัวเอง ตอนนี้ไอ้ตี้ผอมบักโกรกกว่าเดิม ไอกันจนเหนื่อย จริงๆ ไม่น่าจะป่วยกันเลย เพราะเพิ่งจะยกโขยงไปฉีด Flu Shot กันมา

page-660ลูกๆ กับแมวๆ หนูดีพาแมวไปเดินที่พาร์ค …งานนี้ FAIL..!!

เริ่มจากเดือนก่อน ก็วุ่นๆ พาลูกเต้าและตัวเองวิ่งผัด แปะมือกันไปหาหมอฟัน ทำความสะอาดฟันประจำ 6 เดือน อิชั้นโชคดีกว่าเพื่อน เพิ่งเจอหมอฟันที่ไม่ฟัน (for real) 555 คือ ฟรี ค่ะ ฟรี อ่านไม่ผิด แต่ต้องขับรถไปถึงเฟสโน่โน่น ถือว่าคุมค่าน้ำมัน ถึงแม้ตอนนี้จะแกลลอนละ $4.25 (ชนิดถูกสุดนะคะ) วันนั้นไปที่คลีนิคหมอฟันครั้งแรก ก็นึกว่าจะเป็น consultation กับ x-ray เฉยๆ แล้วก็นัดให้ไปทำสะอากดวันหลัง ปรากฎว่า หมอบอกว่า วันนี้มีเวลาหรือปล่าว เพราะจะทำ deep cleaning กับมีปะผุนิดหน่อย มีฟันที่อุดไว้ดูเหมือนจะร้าว อิชั้นก็รีบตอบไปเลย เอา-โลด-หมอ จัดมาให้ครบ พอหมอบอกรอเดี๋ยว clerk จะมาคุยเรื่องราคาและเงินทองก่อนนะ เพราะคุณเหมียนต้องโทรคุยกับประกันของอิชั้นก่อน ว่าจะจ่ายกันยังไง …. มีลุ้น

page-661พาลูกๆ ไปงานสงกรานต์ที่วัดลาว

พอคุณเหมียนเข้ามาก็บอก not a penny out of your pocket! Woo Hoo Yee Haa! ของฟรี ชอบๆๆๆๆ พอเสร็จก็ปากตุ่ยๆ ขับรถกลับบ้าน แล้วก็สาระวนปฏิบัติภารกิจปกติชีวิตประจำวัน วิ่งโน่นมานี่ รับ-ส่งลูก จริงๆ มีนัดไปทำ crown ที่คลีนิคเดิมอีก แต่พอไปแล้วมันอันต้องเลื่อนไปหน่อยนึง เพราะถูกส่งให้ไปทำ x-ray แบบพิเศษ เพราะหมอเห็นรากฟันที่จะทำครอบมีเงาปริศนาอยู่ แต่ยังไม่ได้ทำนัดกับคลีนิคที่รีเฟอร์ มีเรื่องยุ่งๆ เข้าคิวรออยู่เยอะ รอไปก่อนละกันนะฟันเอ้ยยย….. เรื่องฟันๆ ก็ผ่านไป

page-662พ่อบ้านหยุดงานไปร่วมงานหนูดีรับรางวัลเรียนดี แล้วพาลูกๆ ไปดินเน่อร์      อีหนูดีงงๆ กับรองเท้าของแม่บนโต๊ะอาหาร 5555

ตั้งแต่ได้เรื่องว่าไอ้ตี้ตัวแสบจะได้ไปโรงเรียน (พรีสคูล) แล้ว ก็วิ่งวนทำนัดหมอเรื่องตรวจสุขภาพของลูก นัดหมอฟันตรวจสุขภาพฟันด้วย ก็จัดการไปจนครบเสร็จตามรีเควสทั้งหมด พอดีกับโรงเรียนอีหนูดีรีเควสมาอีกว่าให้เด็กๆ ฉีดวัคซีน whooping cough (ไอกรน) เพราะตอนนี้กำลังระบาดอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ก็เลยพาลูกโห่กลับไปที่ Health Department อีกรอบ พอพยาบาลดูใบเหลือง (Yellow California Immunization Record Card) ก็บอกว่าไอ้ 2 ตัว ฉีดกันไปครบหมดแล้ว มีแต่ไอ้ตี้ต้องฉีด Flu shot booster เลยถามไปส่งเดชว่าอีแม่มันต้องฉีดไอ้วัคซีนไอกรนหรือปล่าว นังพยาบาลก็ทำเฉยๆ หมั่นไส้วุ๊ย ไหนๆ ก็มาแล้วอย่าให้เสียเที่ยว เลยบอกขอฉีด Flu Shot ซะเลย เพราะมันมาระบาดอีกระลอกแล้ว สรุปว่ามีแม่กับไอ้ก๊อตตี้ได้ฉีดฟลูฉ่อดวันนั้น พอกลับมาบ้าน แม่กับไอ้ตี้ก็ผลัดกันป่วยมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ

page-659นอกจากบริจาคเงินซื้อสายรัดข้อมือในรูป (เพิ่งจะนึกออกเอามาถ่ายรูป 555)อิชั้นยังได้บริจาคเงินเล็กๆ น้อยๆ เวลาจับจ่ายซื้อกับข้าวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกชาวญี่ปุ่นด้วยค่ะ

ไอ้ตี้เริ่มไปพรีสคูลมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว ค่าเรียนวันละ $20.- แต่เค้าให้ไอ้ตี้ไปเรียนแค่อาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ พอไปได้อาทิตย์เดียวก็ป่วย อดไปอีก ไอ้ที่ป่วยๆ ไปโรงเรียนไม่ได้ เราก็ต้องจ่ายนะคะ พอดีกับมีวันหยุด Spring Break อีกตลอดอาทิตย์ ซึ่งคุณพ่อก็ต้องจ่ายด้วยเหมือนกัน บาดเจ็บกระเป๋าตังค์ไปนะพ่อนะ

Act as if what you do makes a difference.

It does.

Friday, April 15, 2011

ช้อปปิ้ง ช้อปย่าง Estee Lauder, Coach Bags & โชห่วย

วันนี้จะมาร่ายยาวเรื่องช้อปปิ้งช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากพยายามลด ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย (ให้มาก… นิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั๊ง 555) บางทีมันก็ทำอกทำใจลำบ๊ากกกก…ลำบากค่ะคุณ โปรโมชั่น ของแถม ล่อตาล่อใจอยู่ไม่หยุด อ้างและหลอกตัวเองอยู่ตลอด..ว่า… บางสิ่งก็จำเป็นต้องใช้ ของหมดต้องซื้อเพิ่ม 555 เรื่องของกินของใช้ประจำบ้านนั้นต้องซื้ออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ แต่เวลาซื้อของใช้ส่วนตัวบางทีรู้สึกว่าเห็นแก่ตัว และเอาเปรียบคนในครอบครัวมากไปหน่อยค่ะ เกรงใจพ่อบ้าน (คนหาตังค์) นิดๆ ด้วย แต่พี่แกก็ไม่เคยบ่นว่า จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องมีการโกหกกัน หรือซ่อนแอบใดๆ สบายๆ ค่ะ พอเค้าไม่ว่า..เราก็ต้องเกรงใจเค้าบ้าง…ใช่ไหมคะ

มาดูอันแรกก่อนเลย ที่ซื้อมาคือรองพื้นของเอสเต้ ว่าจะ ว่าจะ อยู่พักใหญ่ๆ แล้วค่ะ ว่าจะซื้อรองพื้นรุ่นนี้ แต่เอสเต้ก็ “ยิว” ขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ มาให้ตัวอย่างแค่ชิ้นเดียว เมื่อก่อนให้เลือกได้ทีละ 5 ชิ้น จากนั้นก็ลดลง 4-3-2 ตามลำดับ ตอนนี้ได้ชิ้นเดียว คราวนี้เลือกมาสคาร่ามาค่ะ เพราะช้อยส์ที่เหลือเป็นน้ำหอมหลอดจิ๋วๆ มีเก็บอยู่เยอะแล้วและกลิ่นก็ไม่ค่อยน่าสนใจค่ะ โปรโมชั่นนี้ทำให้ต้อง “จัดการ” ซะให้เสร็จๆ เพราะเป็นของที่อยากซื้อมานานแล้ว พอมีของแถมเยอะ อย่ารออีกเลย 555 ชุดนี้ราคา $39.50 ค่ะ รองพื้นตัวนี้ เป็นรุ่นดังของเอสเต้ตอนนี้ค่ะ ชื่อ Double Wear Light Stay-in-Place Makeup SPF 10 (ราคาหลอดละ $34.-) จริงๆ มีรุ่นที่ดังกว่า เป็นขวด-ไม่ได้เป็นหลอดแบบนี้ ไม่มีคำว่า light ซึ่งปกปิดมากกว่ารุ่นที่ซื้อมาค่ะ สีที่ซื้อมาคือ INTENSITY 2.0 เป็นสีที่เข้ากับสีผิวของอิชั้นแบบ “เป๊ะ & เปรี๊ยะ” เลยค่ะ ลองใช้แล้วก็ชอบ ปกปิดพอดีๆ ไม่หนัก หนา เหนอะหนะ ของแถมที่ได้มาในกล่องก็ “เริ่ด” ไม่น้อยค่ะ Spotlight - Skin Tone Perfector (ราคาหลอดละ $32.-) ทาหลัง moisturizer ก่อนรองพื้น หรือผสมกับ moisturizer ก็ได้ค่ะ ช่วยให้หน้าสว่างใสออกแสงออร่า 555 มี shimmer วิ้งนิดๆ ไม่เว่อร์ ของแถมต่อมาคือ consealer หลอดขนาดครึ่งนึงของฟูลไซ้ส์ มีแปรงลงรองพื้นสีทองสวยและคุณภาพดีมากให้ด้วย 1 อัน ท้ายสุดเป็น dvd สอนเทคนิคการลงพื้น ทาบลัช ลงบรอนเซ่อร์ ฯลฯ ต้องบอกว่าแค่ไอ้ 2 หลอดขนาดฟูลไซ้ส์ก็เกินคุ้มกับราคาแล้วค่ะ

เพราะต้องสั่งให้ครบ $50.- เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าส่งและได้ชุดของแถมจิ๋วๆ เพิ่มมา เลยสั่งของที่ใช้มาโกฏิปี ไม่รู้กี่แท่งต่อกี่แท่งแล้ว ยี่สิบกว่าปี ก็ยังรักเดียวใจเดียวกับไอ้เจ้าสิ่งนี้ คือ Lip Conditioner - SPF 15 ค่ะ ราคา $16.50 พอดีแท่งที่ใช้อยู่ ต้องใช้คำว่า “จก” เลยค่ะ เพราะเกือบจะเกลี้ยงแล้ว ต้องใช้พู่กันทาปากล้วงควักออกมาค่ะ ของแถมที่ได้เพิ่มมาเมื่อซื้อครบ $50.- คือ Advanced Night Repair - Synchronized Recovery Complex กับ Advanced Night Repair Eye - Synchronized Complex มาอย่างละ 1 ขวดและกระปุกขนาดเล็ก อ้อ….ในกล่องชุดรองพื้นยังมีเจ้าอายซีรั่มอันนี้ให้มาด้วย 1 ซองค่ะ

page-650-c

อันนี้ก็ยังเป็นเอสเต้อยู่ คือ Advanced Night Repair - Synchronized Recovery Complex เป็นซีรั่มที่ใช้ทุกคืน ขวดที่ใช้อยู่หมดเกลี้ยงพอดี กำลังจะเอาขวดใหม่ในตู้เย็นออกมาใช้ พอดีมีโปรโมชั่นที่ของแถมเพียบ ก็เลยต้อง “จัดการซะ” อีก 1 รอบ คือซื้อ ANR ขวดนึงจะได้ทุกอย่างในโปรโมชั่นนี้จนครบ ไม่ต้องเสียค่าส่งด้วย เลยต้องจัดไปอย่าให้เสีย สั่งมาเก็บไว้ในตู้เย็นแทนที่ขวดที่เพิ่งเอาออกมา ดูรูปเลยค่ะ มีกระเป๋า 2 ใบเล็ก-ใหญ่ อยากบอกว่าอิชั้นมีกระเป๋าของแถมของเอสเต้เยอะมาก พวกใบใหญ่ ก็เก็บบ้าง แจกบ้าง ไม่เคยใช้ แต่ใบนี้ Spring 2011: Navy Twill Step up Tote น่าใช้ดีค่ะ เดี๋ยวจะเอาไว้ใช้เวลาไปซื้อกับข้าว

ของแถม Free Gift Customized with Lifting/Firming skincare and Warm shades มี palette ตา+แก้ม สีสวย ลิปสติกสี tiger eye (มีอยู่หลายแท่งมากไอ้สีนี้ แถมอยู่สีเดียวนี่แหละ แหงะ) มาสคาร่า 1 หลอดเล็ก แล้วก็มี Resilience Lift Extreme Ultra Firming Creme SPF 15 กระปุกกลาง 1 กระปุก (ใช้ได้นานเลยนะคะกระปุกกลางเนี่ย) Advanced Night Repair Eye อีก 1 กระปุกเล็ก ส่วนตัวอย่างที่รีเควสไปคือ Time Zone Anti-Line/Wrinkle Eye Crème (5-Day Supply) หลอดจิ๋วหลิว 1 หลอดค่ะ

page-651-c

ก่อนจะอวดกระเป๋าต้องอธิบายก่อนว่าชอบกระเป๋าโค้ชมานานมากแล้ว ก่อนที่ใครๆ จะ “ฮิต” มากมายอย่างที่เห็นๆ กัน จากตอนโน้นนนน…ถึงวันนี้มีกระเป๋าโค้ชเยอะมาก ไม่อยากขนออกมานับ 5555 อายตัวเอง จำได้ว่าซื้อใบแรกเกือบ 20 ปีแล้ว แพงมากกกกก…. ขอบอก กว่าจะซื้อได้ เก็บตังค์อยู่นาน แถมยังโดนชมจากคนรอบข้างว่า “ป้าแก่” มาก ซื้อมาได้ยังไง 5555 พอต่อๆ มา ก็ยังซื้อจาก Coach.com เป็นหลัก รวมๆ ซัก 90% ได้ และจาก Macy’s 10% คือจ่ายราคาป้ายแบบเต็มๆ เลยค่ะ เพราะไม่มี outlet อยู่ในรัศมีใกล้ๆ ที่ไปมาได้สะดวก ไอ้ร้านที่ใกล้ที่สุดก็ต้องขับรถดั้นด้นไป เสียค่าน้ำมัน รวมค่าโน่นนี่อีก คิดรวมๆ ราคาก็คงพอๆ กับซื้อจากเว็บหรือจากห้างเลยค่ะ หลายปีให้หลังโชคเข้าข้างค่ะ มีคุณเพื่อนสุมนา ทำหน้าที่เป็น personal shopper ให้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น แปะโป้งได้ ออกตังค์ให้ก่อนด้วย 555 บริการเริ่ดๆ แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะคุณเพื่อนอยู่ไม่ไกลจาก outlet (ใกล้ๆ ก็ขับรถไปร่วมช้่วโมง 555) พอเจอสวยๆ ราคาดีๆ (รู้ใจกันดีด้วย….นิ) ก็ลากมาทีละหลายๆ ใบเลย ถ่ายรูปส่งมาให้ดู ใบไหนถูกใจก็จัดส่งมาให้ ใบไหนไม่โปรด คุณเพื่อนก็วิ่งแจ้นเอาไปคืน 5555 นี่แหละค่ะเป็นที่มา ที่ช่วงหลังๆ อิชั้นมีสินค้าจากโค้ชเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต๊งส์หลายๆ นะเพื่อนนะ

คราวนี้มาดูกระเป๋าใบล่าสุดของอิชั้น ที่…ว่าจะไม่แล้วเชียว 555 สั่งมาจาก coachfactory.com (ให้คุณเพื่อนจัดการให้เช่นเคยค่ะ เพราะเป็น private sale อิชั้นมิได้รับเชิญ 555 เลยต้องรบกวนคุณเพื่อน พอรู้ข่าวว่าเค้ามีโปรโมชั่น Online Sale Starts Now! Up to 70% off ฤๅจะอดใจไหว 555 ใบนึ้ค่าเสียหาย $90.- ได้มาปุ๊บก็ใช้เลย ถูกใจมากค่ะ ชื่อรุ่น Coach Pierced Patchwork East West Tote Bag เคยอยากได้ตอนที่ออกมาใหม่เมื่อปลายปีก่อน แต่ที่เห็นเป็นโทนน้ำตาล-ดำ ราคาตอนนั้น $398.- ค่ะ ใบนี้ขนาดกำลังดี สีเข้มไม่สกปรกง่าย น้ำหนักพอดีๆ ไม่หนักมาก ซิปเป็นแบบซิปผ่าขาด (เหมือนซิปแจ๊คเก็ต มีกระเป๋าโค้ชซิปแบบนี้อยู่ 2 ใบแล้ว แรกๆ ก็ไม่ถนัด ใช้ไปใช้มาซักพัก ก็เปิดปิดได้คล่องแคล่วถนัดมือค่ะ) สีม๊วง…ม่วง..ม่วงกว่าในรูปที่เห็นในเว็บ แต่ตัวจริงๆ สวยมากค่ะ ขอบอกกกกกก…..

page-653-c

มาดูกระเป๋าตังค์ใบใหม่กันค่ะ ได้มาพร้อมกับใบม่วงข้างบนค่ะ เป็นรุ่น Soho Patent Leather Buckle Zip Around สี Baby Blue น่ารักเชียวค่ะ ราคาตอนยังอยู่ในห้าง $238.- พอตกมาอยู่ outlet ค่าตัวหล่นลงมาที่ $90.- ถูกใจมากกกกก…. เพราะชอบกระเป๋าตังค์แบบ zip around อยู่แล้ว เป็นหนังมันทั้งใบ มีช่องโน่น นี่ นั่น เยอะแยะมาก ไม่ต้องพกกระเป๋าใส่เหรียญอีกใบ “con” ของกระเป๋าตังค์แบบนี้คือ มันใหญ่ และจุดี ก็เลยหนักไปนิดและต้องใช้กระเป๋าถือใบใหญ่ตามไปด้วย เพราะยัดใส่กระเป๋าถือหรือสะพายใบเล็กๆ ไม่ได้ค่ะ โปรดสังเกต…ไม่ค่อย “เห่อ” เท่าไหร่ ได้มาปุ๊บก็ใช้เลยค่ะ 5555 ที่เห็นแบ๊งค์ร้อยเป็นปึก…. ค่าเช่าบ้านค่ะ 555 มิใช่เงินก้นถุงแต่อย่างใด ถ้าไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน $1,000.- หูย….หวานคอแร้ง 55555

page-654-c

มาดูกระเป๋าถือชมพูแต๋นใบนี้คือ Coach Signature Stripe Patent Leather Tote – Raspberry ได้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วช่วงคิดสะมาด 555 ดูเหมือนรุ่นนี้จะเป็นสินค้าที่ผลิตเพื่อขายใน outlet เท่านั้น เพราะไม่เคยเห็นในเว็บค่ะ ราคาเต็มจากป้ายที่ห้อยมาคือ $329.- แต่คุณเพื่อนเห็นว่าสีแต๋นถูกใจอิชั้นและราคาก็เหมาะสมดี คือ $77.- เป็นกระเป๋าหนังมัน เย็บลายตัว C – Signature ของเค้า สายคู่เส้นเล็กๆ น้ำหนักเบา ซิปปิดด้านบน ขนาดกำลังดี พอได้มาก็ใช้เลยเช่นเคย เพราะเป็นคนไม่ขี้เห่อเท่าไหร่ พอดีกับเป็นชมพูแต๋นถูกใจ Hello Kitty Mama มากๆ จำได้ว่าพ่อบ้านเห็นตอนเปิดกล่องพัสดุแล้วพูดว่า เที่ยวนี้ซื้อให้รอมมี่ด้วยเหรอ ก็ตอบไปว่า จ้า.. เออ.. ค่า.. พอตอนเห็นอิชั้นถือแกว่งไปมาก็ อ้าว.. เว้ย.. เฮ้ย.. ไหนบอกว่าของลูกไง แล้วก็เหน็บว่า  Don’t you think…you’re not a teenager! อ้าว…จะให้ตูแก่แล้วแก่เลยหรือไงฟระ ฮานาก้า….55555

page-655-c

ใบต่อมา คือ Coach Poppy Patent Luxey Satchel BRASS/RUBY ได้มาพร้อมกับใบชมพูข้างบนค่ะ ราคาจากป้ายคือ $298.- พอตกกระป๋องจากห้างลงมาที่ outlet เลยเหลือ $124.- คุณเพื่อนเลยซื้อแล้วส่งรูปมายั่ว เห็นรูปแล้วน้ำลายยืด เลยเซย์เยสไปอย่างรวดเร็ว ถูกแพงขอให้แดงไว้ก่อนใช้ได้กับอิชั้นเสมอค่าาาา…. ใบนี้ค่อนข้างเล็ก ถือ-สะพายได้ 2 แบบ ข้อตินิดนึงคือ เวลาใช้แบบถือสายคู่ห้อยแขน…จะเปิดปิดซิปลำบาก ไม่กว้างขวาง ล้วงควัก ไม่สะดวก แต่เรื่อง look สำหรับใบนี้ กิ๊บเก๋ยูเรก้าไม่น้อย เพราะ accessories ห้อยตุ้งติ้งเยอะแยะ อ๊อฟเฟ่อร์ให้อิรอม… ลูกบอก “โน” ไม่ชอบ เชอะ ไม่ชอบก็ไม่ง้อสิวะ อิชั้นชอบใบนี้ที่สีและดีไซน์ แต่มันเป็น light duty ค่ะ ถือเหวี่ยงไปมาเป็นงานๆ ไป ไม่ใช่ everyday bag ค่ะ ดูรูปสิคะ (ถ่ายรูปห่วยตามปกติ 55) สวยเน๊าะ 

page-656-c

มาดูกับข้าวกับปลากันบ้างดีกว่าค่ะ แต่ละรูปก็คือแต่ละทริปนะคะ รูปบนมีจานกระดาษแพ๊คใหญ่ แม่บ้านหลังยาวเบื่อล้างจานค่ะ 55 บะหมี่เกี๊ยวกุ้งของซีพี อร่อยเหมือนชายสี่หมี่เกี๊ยวเลยค่ะ กินแล้วคิดถึงบ้าน กล่องนึงมี 6 ถ้วย ช่วงนี้มีลดราคา ตกถ้วยละ $1.50 ประมาณนั้นค่ะ beef jerkies เนื้ออบแห้งรส mesquite รมควัน ของโปรดเวลาดูทีวีเหงาๆ ปาก ถุงละ 3-4 เหรียญ แอบหนีบเอาเข้าไปเคี้ยวในโรงหนังบ่อยๆ ค่ะ เลยต้องซื้อไว้ประจำบ้าน ไข่ไก่ 5 โหล มาม่าโจ๊กคัพรสหมู 1 กล่อง พ่อบ้านกับไอ้ตี้ลูกชายชอบทานตอนดึกๆ ค่ะ ส้ม “Cuties” clementine 5 pounds หวานอร่อยเปลือกบางค่ะ โค้ก 2 ลิตร แพ๊ค 4 ขวด $3.99 ค่ะ ตกขวดละเหรียญ

รูปล่างพาสเต้อร์ปิดแผล 2 กล่อง Clorox Tablet เอาไว้ใส่ถังน้ำชักโครก 409 น้ำยาเอนกประสงค์ 1 แกลลอน แถมแบบขวดสเปรย์ขวดใหญ่มา 1 ขวดด้วย อิชั้นใช้ตั้งแต่ในห้องน้ำ ถึงในครัวเลยค่ะ หัวเตา พื้นพรม นึกอะไรไม่ออกก็คว้าไอ้ 409 ไว้ก่อน 555 แต่ไม่ได้ฉีดไอ้ก๊อตตี้นะคะ เวลามันมอมๆ ก็โยนใส่อ่างไปค่ะ แล้วก็มี Clorox น้ำยาซักเสื้อผ้าสี Downy ปรับผ้านุ่ม รถไฟชื่ออะไรไม่รู้เพื่อนไอ้โธมัสมันค่ะ ไอ้ตี้เห็นแล้วชักแง่กๆ ก็เลยต้องซื้อให้ลูก ทั้งๆ ที่มีอยู่แล้วเต็มบ้าน องุ่นดำ concord ไม่มีเม็ด บะหมี่เกี๊ยวซีพีอีก 2 กล่อง คือเค้า limit ให้ซื้อแล้วได้ส่วนลดแค่ทีละ 2 กล่องค่ะ ถ้าซื้อเกินตั้งแต่กล่องที่ 3 ก็ต้องจ่ายราคาเต็มๆ ก็เลยลากมาทีละ 2 กล่องทุกครั้งที่ไป Costco ค่ะ เดี๋ยวเค้าเลิกลดราคาก็เลิกกิน 5555 งกชิมิคะ Go-gurt ของลูกๆ 2 แพ๊ค เด็กๆ บ้านนี้กินโยเกิร์ตกันเก่ง อยู่บ้านก็กินเป็นถังๆ ส่วนโกเกิร์ตเป็นถุงหลอดๆ ก็เอาแช่แข็งไว้ บางทีลูกๆ ก็คว้าติดมือเอาไปหม่ำในรถเวลาไปไหนๆ สะดวกดีค่ะ ส่วนใหญ่ก็ฟาดเรียบในบ้านนี่แหละค่ะ โค้ก 2 แพ๊ค และกบเหลาดินสอแบบใส่ถ่านของลูกๆ ค่ะ อันเก่ามรณภาพไปแระ

page-657

รูปนี้เป็นของจุกจิกที่ต้องใช้ค่ะ บิโอเรสครับโฟมเป็นโฟมที่หมอผิวหนังสั่งให้รอมมี่ใช้ค่ะ เลิกใช้ของเก่าให้หมด เพราะสิวบุกหนัก ส่วนแชมพู นิวโทรจิน่า T-Sal เป็นของอิชั้นค่ะ สีดินสอเป็นของไอ้ตี้ และทิชชู่เช็ดขี้มูก  Boogie Wipes ก็เป็นของไอ้ตี้ด้วยค่ะ ส่วนแตงกวา น้ำสลัด Creamy French หอมแดงใหญ่ และมะเขือเทศจิ๋วเป็นเครื่องสลัดที่ขาดตู้เย็น เลยต้องแจ้นไปซื้อมาตุน น้ำสลัดอันนี้อยากลองมานานแล้ว พอซื้อมา แหวะ หวานๆ เหม่งๆ ไม่ชอบ ใบเสร็จเป็นของไอ้พวกเครื่องสลัดค่ะ

page-658

คราวนี้ไปช้อปต่อที่ Dollar Store ค่ะ คือทุกๆ อย่างราคา $1.- เท่ากันหมด เวลาซื้อหาก็ต้องดูดีๆ เพราะบางอย่างซื้อที่อื่นราคาไม่ถึงเหรียญค่ะ แล้วข้าวปลาอาหารจะอายุสั้น เผลอๆ ดูไม่ดี expired สิ้นชีวิตไปแล้ว  เคยซื้อที่มันหมดอายุ spoilage ต้องแจ้นเอาไปคืน live & learn อยู่เรื่อยเชียว 555 มามะมาดูกันว่าได้อะไรมาบ้าง รูปบนนะคะ สมุดหัดเขียน ABC ของไอ้ตี้ สลัดผักโรเมน สปิแนช หลอดกระดาษสำหรับ roll เศษเหรียญ ที่ใส่นิ้วเท้าเวลาทาเล็บเป็นยางซิลิโคน..คุณภาพแจ่มมาก สำลีพันก้านไม้แบบยาว แถบมัดของสีขาว สก๊อตเทปแพ๊คคู่ มะม่วง (ซื้อที่คอสต์โก้ แพ๊ค 9 ลูก ราคา $7.99 แต่มันต้องขับรถข้ามเมือง เจอตรงนี้แล้วอยากกิน ก็ซื้อๆ ไปซะให้เสร็จๆ) ถุงใส่กล้องสีแดง+ลายน้ำตาล (คุณภาพเริ่ดมากๆ) ถ่านแบตเตอรี่ 9V. แพ๊คคู่ สำหรับ smoke alarms สติ๊กเก้อร์ ดินสอ กระจก แว่นอ่านหนังสือ คุณภาพดีมากๆ ราคาที่ติดอยู่อันละ 14-19 เหรียญค่ะ แต่ต้องเลือกดูดีๆ บางอันมีขูดขีดที่เลนส์ค่ะ

รูปล่าง (อีกทริปนึงนะคะ) เห็ดหอมดอง อร่อยดีค่ะ เปรี้ยวๆ เอาไว้ทานกับพวกเนื้อย่าง ถุงพลาสติก ชอบใช้ถุงแบบนี้เวลาผักที่ซื้อมาเยอะๆ หั่น ล้าง แล้วแบ่งใส่ถุงนี้แช่ในเก๊ะตู้เย็นแบบพร้อมใช้ สะดวกดีค่ะ ไม่แพง เป็นถุงขนาด 1 แกลลอน บางๆ ใช้แบบซิปเป้อแบ๊ค…แพง เสียดายตังค์ โอ๊ตของหนูดี เห็นบอกว่าลองดู พอทานแล้วก็บอกว่าโอเคเลยนะ ถูกด้วย แต่พอพ่อบ้านมาเห็น ซื้อมาได้ไง ทำไมไม่ซื้อ Quaker Oat ให้ลูก จะอะไรกันว๊า… ก็ของมันแค่เหรียญเดียว แหลกม่ายล่ายก็ทิ้งไปสิวะ ส่วนไอ้ Triaminic Vapor Fan, with 3 Refill Pads and Batteries, Mentholated Cherry กล่องฟ้าๆ นั่น เป็น พัดลมจิ๋วใช้ถ่าน แล้วก็มีแถบกลิ่นเมนทอลเชอรี่ พอเอามาลองดูก็ โอเคเลยนะคะ หอมเย็นจมูกดี เคยซื้อแบบเสียบปลั๊ก เป็นเมนทอลเฉยๆ ซึ่งหลายตังค์อยู่ อันนี้เหรียญเดียว มีรีฟิล 3 อัน ใส่ถ่านมาให้เสร็จ เลยเก็บเอาไว้เปิดตอนลูกเป็นหวัดจมูกแน่นๆ ค่ะ แล้วก็มี dinner rolls กับ biscuits ของ Pillsbury ทั้ง 2 อย่างหมดอายุสิ้นเดือน June โน่น….สบายไปเลย กินกันหมดก่อนสิ้นเดือนเมษาแน่นอนค่ะ

page-649

หมดแล้วค่ะ จริงๆ มีรูปข้าวของโชห่วยที่ซื้อมาอีกเยอะเลยค่ะ แต่ดูเหมือนจะซื้อของเหมือนๆ กันอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน โชคดี แฮ้ปปี้ช้อปปิ้งค่ะ

Saturday, April 02, 2011

มาเลือกกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิดกันเถอะค่ะ

wallets-300x300

คนเกิดวันอาทิตย์
คุณไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์สีฟ้า สีดำ หรือกระเป๋าที่ทำมาจากหนังของสัตว์ทะเลค่ะ ส่วนสีที่คุณควรใช้คือ สีในโทนสว่าง หรือจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีเขียว อันนี้ก็โอเคค่ะ

สีคนเกิดวันอาทิตย์
บริวาร คือ แดง
อายุ คือ ขาว ครีม เหลือง
เดช คือ ชมพู ม่วง
ศรี คือ เขียว
มูลละ คือ ดำ น้ำตาล เทา
อุตสาหะ คือ ส้ม
มนตรี คือ เหลือบ ควันบุหรี่
กาลกิณี คือ ฟ้า

wallet N62732 W1

คนเกิดวันจันทร์
กระเป๋าสตางค์สีแดงหรือกระเป๋าสตางค์ที่ทำมาหนังสัตว์ 2 แบบนี้คุณควรหลีกเลี่ยงไปเลยค่ะ ส่วนสีที่เหมาะกับคุณมากที่สุดก็คือ สีน้ำตาล หรือ สีม่วง

สีของคนวันจันทร์
สีบริวาร คือ สีขาว ครีม เหลือง
สีอายุ คือ สีชมพู สีม่วง
สีเดช คือ สีเขียว
สีศรี คือ สีดำ เทา น้ำตาล (เสริมราศี)
สีมูละ คือ สีส้ม
สีอุตสาหะ คือ สีเหลือบ
สีมนตรี คือ สีฟ้า
สีกาลกิณี คือ สีแดง …..

โห…อิชั้นมีกระเป๋าตังค์ กระเป๋าสะพาย สีแดงเยอะเลย มิน่าหล่ะ ไส้แห้งตลอด แงๆๆๆ แล้วให้หลีกเลี่ยงหนังสัตว์ อ้าว… หนังมนุษย์ หนังเอเลียน เหรอ แล้วจะไปหาที่ไหนฟระ

wallet-8850

คนเกิดวันอังคาร
สีน้ำตาลและสีครีม 2 สีนี้เป็นสีที่ไม่เหมาะกับคนเกิดวันอังคารเลยค่ะ และอีกอย่างที่ต้องห้ามก็คือ กระเป๋าสตางค์ที่ทำมาจากหนังสัตว์ ส่วนสีที่ถูกโฉลกกับคุณก็คือ สีชมพู สีแสด และ สีส้ม 3 สีนี้ก็คงจะถูกใจสาวๆ นะคะ

สีของคนวันอังคาร
สีบริวาร คือ สีชมพู สีม่วง
สีอายุ คือ สีเขียว
สีเดช คือ สีเทา ดำ น้ำตาล
สีศรี คือ สีส้ม
สีมูละ คือ สีเหลือบ
สีอุตสาหะ คือ สีฟ้า
สีมนตรี คือ สีแดง
สีกาลกิณี คือ สีขาว ครีม เหลือง

wallet1

คนเกิดวันพุธ
สำหรับคนเกิดวันพุธก็มีสีต้องห้ามอยู่ 2 สีคือ ดำและชมพู และไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์ที่ทำมาจากหนัง โดยเฉพาะสัตว์ปีก ส่วนสีของกระเป๋าสตางค์ที่เหมาะกับคุณก็คือ สีเขียว ครีม และ น้ำตาลค่ะ

สีของคนวันพุธ
สีบริวาร คือ เขียว
สีอายุ คือ สีเทา ดำ น้ำตาล
สีเดช คือ สีส้ม
สีศรี คือ สีเหลือบ
สีมูลละ คือ สีฟ้า
สีอุตสาหะ คือ สีแดง
สีมนตรี คือ สีขาว ครีม เหลือง
สีกาลกิณี คือ สีชมพู ม่วง

Wallet-Small

คนเกิดวันพฤหัสบดี
สำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดีมีสีต้องห้ามอยู่สีเดียวคือ สีดำ และขนาดของกระเป๋าจะต้องไม่ใหญ่เกินไป เลือกชนิดมีช่องใส่พอประมาณค่ะ ส่วนสีที่เหมาะก็คือสีแดง หรือ ส้ม

สีของคนวันพฤหัสบดี
สีบริวาร คือ สีแสด
สีอายุ คือ สีเหลือบ
สีเดช คือ สีฟ้า
สีศรี คือ สีแดง
สีมูละ คือ สีขาว ครีม เหลือง
สีอุตสาหะ คือ สีชมพู ม่วง
สีมนตรี คือ สีเขียว
สีกาลกิณี คือ สีเทา ดำ น้ำตาล

walletsblue

คนเกิดวันศุกร์
สีของกระเป๋าสตางค์ที่ต้องห้ามสำหรับคนเกิดวันศุกร์ก็คือ สีดำ หรือสีทึมไม่สดใส แล้วก็ไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์ที่ดูแปลกจนเกินไป เพราะจะทำให้คุณเก็บเงินไม่อยู่นะคะ ส่วนสีที่ควรใช้ก็คือ สีฟ้า และ สีชมพู

สีของคนวันศุกร์
เดช คือ ครีมขาวเหลือง
บริวาร คือ ฟ้า
อายุ คือ แดง
ศรี คือ ชมพู ม่วง
มูลละ คือ เขียว
มนตรี คือ ส้ม
อุตสาหะ คือ เทา, ดำ, น้ำตาล
กาลกิณี คือ เหลือบ

wallet-purple

คนเกิดวันเสาร์
คุณไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์สีเขียวหรือน้ำตาล และต้องพยามยามเลือกแบบที่ไม่เก่าเร็ว ต้องแลดูใหม่อยู่เสมอ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คนเกิดวันเสาร์ต้องซื้อกระเป๋าสตางค์บ่อยกว่าคนกิดวันอื่น เราะถ้าคุณปล่อยกระเป๋าสตางค์ของคุณเก่าขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็เมื่อนั้นจะทำให้ไม่มีโชคลาภค่ะ ส่วนสีที่เหมาะกับคุณก็คือ สีฟ้า หรือ สีม่วงค่ะ

สีของคนวันเสาร์
สีบริวาร คือ สีเทา ดำ น้ำตาล
สีอายุ คือ สีแสด
สีเดช คือ สีเหลือบ
สีศรี คือ สีฟ้า
สีมูละ คือ สีแดง
สีอุตสาหะ คือ สีขาว ครีม เหลือง
สีมนตรี คือ สีชมพู ม่วง
สีกาลกิณี คือ สีเขียว

moneydc6

*** สีเหลือบ คือสีที่เราไม่สามารถ ฟันธง ว่ามันคือสีอะไรกันแน่ ตัวอย่างเช่น สีของไข่มุก หรือ สีของโอปอล...***

Trick of the Day


การใส่เสื้อผ้าสีกาลกิณี ไม่ได้แปลว่าไม่ดี เพียงแต่เราจะไม่เป็นจุดเด่นในสายตาคนอื่นเท่านั้น อย่างเช่น พวกดารานักแสดงถ้าใส่พวกเสื้อผ้าสีกาลกิณี หรือแต่ตัวสีกาลกิณี ก็จะทำให้เราไม่เป็นจุดเด่นของคนอื่น ไม่ค่อยมีคนเขามาทักทาย ได้มีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเองในเวลาเที่ยวได้ เป็นต้น

ถ้าเป็นคนเจ้าอารมณ์ให้ลดการใช้สีที่เป็นเดช ให้ไปใช้สีที่เป็นศรีเพิ่มขึ้นเพื่อจะช่วย Drop อารมณ์ของเราได้ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นคนที่ขี้เกรงใจคนก็ให้ใช้สีที่เป็นเดชเพิ่มขึ้นค่ะ จะช่วยให้เราเป็นคนมั่นใจและ เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นด้วย

กาลกิณี หมายถึง ไม่ดี ต้องห้าม แต่ในของที่ดี ก็มีด้านไม่ดี และในของที่ไม่ดีเช่นกาลกิณีก็ยังมีด้านดีด้วยเช่นกัน ประมาณว่าถ้าใช้สีกาลกิณีเป็นกระเป๋าสตางค์เงินก็จะไม่ค่อยออก แต่ก็ไม่ค่อยมีเงินเข้าเหมือนกัน

คุณควรใช้กระเป๋าสตางค์ 2 ใบ ใบเล็ก เป็นกาลกิณีใส่สตางค์ไว้ ส่วนอีกใบเป็นใบใหญ่เพื่อใส่กระเป๋าใบเล็ก เพราะสีกาลกิณีเงินไม่ออก แต่สีของมูลละเป็นทรัพย์สินเงินทองนะ เงินเข้า

เงินไม่ค่อยออกในที่นี้ไม่ได้แปลว่าในกระเป๋าสตางค์ไม่มีเงินนะ แต่ประมาณว่าวันนี้จะไปซื้อเสื้อซักตัว เดินแล้วเดินอีกก็อาจจะหาไม่ได้ หรือเจอแบบที่ต้องการแต่ไม่มีขนาดเราอะไรประมาณเนี้ย

แต่ในทางกลับกันถ้าใช้สีมูลละมาเป็นกระเป๋าสตางค์ก็เตรียมตัว shop สะบั้นหั่นแหลกเลยล่ะ แต่เงินก็เข้ามาเยอะด้วยเหมือนกัน เลือกเอาว่าจะใช้แบบไหน

ใช้กระเป๋าสองใบ มูลละ ใบนึง กาลกิณีใบหนึ่ง พอได้เงินมา ก็เอาเงินไปใส่ใน กาลกิณี เข้าแต่ไม่ออก
จริงๆ ถ้าให้ดีควรที่จะมีทั้งสีกาลกิณีและมูลละอยู่ในกระเป๋าเดี่ยวกันมากกว่านะ

moneyFz_fs

I've got all the money I'll ever need

if I die by four o'clock this afternoon.

Thursday, March 17, 2011

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด!?!? ฟุกุชิมาจะเป็น Chernobyl รอบสองหรือไม่?

คัดลอกมาค่ะ เพราะอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย เลยอยากเอามาแบ่งกันอ่าน ต้องขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ที่มา > > http://jusci.net/node/1645

 

หลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวขนาด 8.9-9.0 ตามมาตราริกเตอร์ (Sendai Earthquake) ตามด้วยคลื่นสึนามิซัดเข้าชายฝั่งประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคม 2011 หลายฝ่ายต่างพุ่งความตระหนกไปที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายโรงที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

จนเมื่อเวลาประมาณ 15:36 น. ของวันที่ 12 มีนาคม 2011 ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น มีรายงานว่าเกิดเสียงระเบิดที่บริเวณเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมาโรงที่ 1 (Fukushima Daiichi Plant) ตามมาด้วยภาพฝุ่นควันพวยพุ่งและกำแพงที่ถล่มลงมาทั้งด้าน ประกอบกับข่าวรายงานการตรวจพบกัมมันตรังสีและสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลทำให้ทั่วโลกวิตกกังวลว่าฟุกุชิมาจะเป็น Chernobyl รอบสองหรือไม่

เรื่องนี้มีหลายประเด็นที่ต้องพูดกัน

อย่างแรก คือ เรื่องการระเบิดที่เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม

แทบจะในทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว Tokyo Electric Power Company (TEPCO) ได้สั่งหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ของทั้งสองโรงไฟฟ้าในฟุกุชิมาทุกเตา ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เนื่องจากเป็นจุดที่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากเกินกว่าจะเสี่ยงเดินเครื่องต่อไปได้ (เรื่องการสั่งหยุดเครื่องอย่างไรนี่ ผมยังไม่แน่ใจนัก อาจจะเป็นมนุษย์ควบคุมหรือเป็นระบบอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติภัยก็ได้)

การหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ที่เป็นแบบ boiling water reactor (BWR) นั้นทำได้โดยการจุ่มแท่งควบคุม (control rod) ลงไปในเตาปฏิกรณ์ แท่งควบคุมนี้จะทำหน้าที่กันไม่ให้นิวตรอนจากแท่งเชื้อเพลิงแท่งหนึ่งวิ่งไปชนแท่งเชื้อเพลิงอีกแท่ง เป็นการลดอัตราการเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อดันแท่งควบคุมลงไปเต็มที่ นิวตรอนที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างแท่งเชื้อเพลิงก็จะถูกดูดซับไว้แทบทั้งหมด

ปัญหาที่ตามมาจากการหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ คือ ความร้อนที่สะสมในเตาปฏิกรณ์ เนื่องจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ในแท่งเชื้อเพลิงยังไม่หยุดสนิทเสียทีเดียว เพราะในแต่ละแท่งยังมีนิวตรอนพอที่จะทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมหรือธาตุเชื้อเพลิงอื่นๆ สลายตัวไปได้อีกระยะ (เมื่อสับสวิตช์หยุดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ แท่งเชื้อเพลิงจะยังผลิตความร้อนออกมาประมาณ 6% ของความร้อนที่ผลิตได้ขณะเดินเครื่องเต็มที่) ในขณะทำงาน เตาปฏิกรณ์ระบบ BWR จะมีปั๊มน้ำดึงน้ำเย็นเข้ามาหล่อเลี้ยงแท่งเชื้อเพลิงตลอดเวลา (ไอน้ำที่เกิดจากการระเหยของน้ำหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ก็จะถูกส่งผ่านท่อมาใช้ปั่นกังหันเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้านั้นเอง -- ดูภาพประกอบได้จาก Infographic ของ Live Science ท้ายข่าว) ดังนั้นเมื่อสั่งเครื่องหยุดทำงานในสถานการณ์ธรรมดา เครื่องปั๊มน้ำก็จะยังต้องปั๊มน้ำเย็นเข้ามาระบายความร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันจะหยุดและแกนแท่งเชื้อเพลิงจะเย็นลง

แต่ในกรณีที่ฟุกุชิมานั้น มันคือสิ่งที่เรียกว่า "Station Blackout" จัดเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พอเครื่องปั่นไฟฟ้าหลักของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หยุดทำงาน แทนที่ระบบปั๊มน้ำพลังงานสำรองจะใช้งานได้ตามปกติ Aftershocks จากแผ่นดินไหวและสึนามิดันไปสร้างความเสียหายแก่ระบบไฟฟ้าสำรองและระบบควบคุมปั๊มน้ำ เตาปฏิกรณ์จึงขาดน้ำเย็นเข้าไปหล่อเลี้ยง ทำให้เกิดความร้อนสะสมเกินระดับที่กำหนด ความร้อนสะสมนี้ทำให้น้ำที่อยู่ในเตาปฏิกรณ์ระเหยเป็นไอ ซึ่งถ้าหากปล่อยไปเรื่อยๆ ไอน้ำกับความร้อนจะทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย หรือไม่ก็อีกกรณี ความดันภายในจะพุ่งสูงจนอัดให้เตาปฏิกรณ์ระเบิด "ตู้มมมมมมม!" (ความเป็นไปได้ในกรณีหลังน้อยกว่ากรณีแรกมาก เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นมีเกณฑ์อยู่ในระดับชั้นนำของโลก ประกอบกับการออกแบบโครงสร้างซึ่งใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมาแล้วตั้งแต่ต้น แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายท่านจะเคยคัดค้านการออกแบบของเตาปฏิกรณ์ Mark 1 ก็ตาม)

TEPCO แก้ปัญหานี้โดยเอาเครื่องปั๊มดีเซลมาปั๊มน้ำเข้าไปแทนชั่วคราวจนกว่าปฏิกิริยาทั้งหมดจะดับลง แต่ด้วยไม่รู้สาเหตุอะไร เครื่องปั๊มดีเซลทำงานได้เพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เลยต้องพึ่งพลังงานสำรองจากแบตเตอรี่ซึ่งก็ซื้อเวลาได้อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง

แต่ว่าเครื่องปั๊มน้ำไม่สามารถแก้ปัญหาความดันที่เกิดจากไอน้ำในเตาปฏิกรณ์ได้ เมื่อหมดปัญญากับการพึ่งเครื่องปั๊มน้ำอย่างเดียวแล้ว TEPCO จึงดึงแผนสำรองที่สองออกมาใช้ นั่นคือการเปิดวาล์วปล่อยไอน้ำบางส่วนออกมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อลดความดันในเตา ไอน้ำเหล่านี้มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีอยู่เล็กน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากไอโซโทปของไนโตรเจน-16 ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุว่าทำไมเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ก่อนการระเบิด จึงมีรายงานข่าวว่าพบปริมาณกัมมันตรังสีรอบๆ เตาปฏิกรณ์สูงกว่าระดับปกติถึง 1,000 เท่า นักวิทยาศาสตร์และทาง TEPCO ยืนยันว่าไอโซโทปเหล่านี้มีอายุสั้น ดังนั้นมันจะไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

  • Update 14-03-2011 15:53
    ที่ต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำกันยุ่งยากขนาดนี้ เพราะห้องควบคุมสวิตช์ปั๊มน้ำของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาอยู่ชั้นใต้ดิน พอสึนามิซัดเข้ามา ห้องควบคุมสวิตช์เลยโดนน้ำท่วมใช้การไม่ได้ แถมยังหน้าปัดวัดระดับน้ำในเตาปฏิกรณ์ยังดูเหมือนจะรายงานค่าระดับน้ำผิดพลาดด้วย (สาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน) ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องค่อยๆ เปิดวาล์วระบายความดันพร้อมกับปั๊มน้ำเย็นเข้าไปเพิ่มเป็นระยะๆ - ที่มา
    New York Times

ทุกอย่างดูดี แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะสิ่งที่ออกมาพร้อมๆ กับไอน้ำ คือ ตัวการของการระเบิดที่เป่าหลังคาอาคารเตาปฏิกรณ์ซะจนกระจุย

ไฮโดรเจน นั่นเอง

ไฮโดรเจนมาจากไหน? และเกี่ยวอะไรด้วย?

โดยคร่าวๆ แท่งเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูแบบ BWR คือ ยูเรเนียมหุ้มด้วยโลหะ zirconium หลอมเป็นแท่งทรงกระบอก ซึ่งถ้าจุ่มอยู่ในน้ำเหลวๆ ตามปกติอย่างที่มันควรเป็นก็จะไม่มีปัญหาอย่างใด แต่ในกรณีของเมื่อวานนั้น คาดการณ์กันว่าน้ำในเตาปฏิกรณ์คงระเหยไปเป็นไอมากจนทำให้แท่งเชื้อเพลิงบางส่วนโผล่ขึ้นพ้นระดับน้ำ ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงมากเกิน 1,500 องศาเซลเซียส ทำให้ zirconium ที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงทำปฏิกิริยากับไอน้ำอย่างรวดเร็ว เกิดเป็น zirconium oxide (จะเรียกว่าเป็นสนิมของ zirconium ก็ได้) และไฮโดรเจน

ไฮโดรเจนเป็นก๊าซที่ติดไฟในอากาศที่มีออกซิเจนได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ตอนที่มันยังอยู่ในเตาปฏิกรณ์ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก เพราะในเตาปฏิกรณ์ไม่มีออกซิเจนมากพอจะทำให้เกิดการติดไฟได้ แต่เมื่อ TEPCO เปิดวาล์วปล่อยไอน้ำออกมาเท่านั้นแหละ ไฮโดรเจนซึ่งเป็นก๊าซที่เบากว่าไอน้ำก็ออกมาด้วย (จริงๆ ต้องพูดว่ามันวิ่งนำหน้าออกมาด้วยซ้ำ)

พนักงานในโรงไฟฟ้าก็คงคาดไม่ถึงด้วยว่าจะมีไฮโดรเจนออกมามากขนาดจนจุดระเบิดได้ จึงไม่ได้เตรียมการป้องกัน เมื่อไฮโดรเจนที่สะสมจนพอเหมาะเจอกับออกซิเจนในอากาศและประกายไฟอีกเล็กน้อย เราก็ได้ภาพอย่างที่เห็นกัน "ระเบิดขนาดย่อมๆ" นั่นเอง

From BBC News

จากการรายงานของ TEPCO และทางการญี่ปุ่น การระเบิดที่เกิดจากก๊าซไฮโดรเจนกระทบเพียงโครงสร้างอาคารและกำแพงที่เป็นปูนซีเมนต์เท่านั้น ส่วนโลหะที่ครอบเตาปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แม้ภาพที่ออกมาจะดูรุนแรงไปสักหน่อยก็ตาม (แค่กำแพงหายไปหนึ่งแถบเอง) แท่งเชื้อเพลิงยังคงสบายดีอยู่ในเตาปฏิกรณ์ ไม่มีหลุดออกมาวิ่งเล่นข้างนอก

  • UPDATE 16-03-2011 12.:50
    การเกิดเพลิงไหม้ที่เตาปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 ในวันที่ 15 มีนาคม 2011 แตกต่างจากการระเบิดที่เตาที่ 1, 2 และ 3 เพราะอุบัติเหตุของทั้งสามเตาที่ผ่านมาเกิดจากไฮโดรเจน แต่อันที่เกิดกับเตาที่ 4 นั้นเกิดจาก
    ปัญหาระดับน้ำหล่อเย็นในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว
อย่างที่สอง คือ ความกังวลเกี่ยวกับเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ยังร้อนจัดอยู่ในเตาปฏิกรณ์

นอกจากในช่วงเวลาก่อนและหลังระเบิดจะมีการตรวจพบกัมมันตรังสีรั่วออกมาแล้ว ยังมีของแถมอีกอย่าง นั่นคือ ไอโซโทปกัมมันตรังสีของ cesium ซึ่งตัวนี้แหละที่สร้างความตระหนกตกใจให้กับนักวิทยาศาสตร์พอสมควร

กรณีของ cesium นี้มีนัยยะอันตรายกว่าการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนด้วยซ้ำ เนื่องจากมันเป็นสัญญาณว่ามีอะไรผิดปกติกับแท่งเชื้อเพลิงแล้ว cesium และไอโซโทปธาตุกัมมันตรังสีอื่นๆ เช่น ไอโอดีน คือสิ่งที่เรียกว่า fission fragment ซึ่งได้จากการสลายตัวของปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ตามปกติมันควรจะถูกกักอยู่ในแท่งเชื้อเพลิง การที่พบ cesium หลุดออกมาอยู่ข้างนอกเตาปฏิกรณ์จึงสามารถแปลผลได้ว่าครอบแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์เกิดการรั่วแล้ว นักวิทยาศาสตร์คาดกันว่าน่าจะเป็นเพราะแท่งเชื้อเพลิงโผล่พ้นน้ำนานเกินไป จนทำให้ zirconium ที่หุ้มแท่งอยู่ทำปฏิกิริยากับไอน้ำแล้วหลุดลอกออกไปบางส่วน ตอนนี้ทาง TEPCO ยังไม่เผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้ TEPCO จะไม่บอกอะไรมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็คาดกันว่าแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ที่ 1 และ 3 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 หลอมละลายไปแล้วบางส่วนเป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบเครื่องปั๊มน้ำใช้การไม่ได้ไปพักใหญ่ๆ เป็นไปได้ว่าส่วนบนของแท่งเชื้อเพลิงอาจจะพ้นน้ำนานเป็นเวลาระดับชั่วโมงๆ

แม้ว่า "การหลอมละลายบางส่วน" (partial melting) จะเป็นเหตุการณ์ที่มีระดับความรุนแรงต่ำกว่าการที่แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายเต็มที่ (full meltdown) แบบเทียบกันแทบไม่ได้ก็ตาม แต่มันก็ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในระดับที่ตรวจจับได้ ซึ่งสร้างความตระหนกให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ปรากฏในวันต่อมาก็มีรายงานการตรวจพบสารกัมมันตรังสีในจุดที่ห่างจากโรงไฟฟ้าถึงกว่า 60 ไมล์ สารกัมมันตรังสีที่ตรวจเจอน่าจะเป็น cesium-137, iodine-121 และไอโซโทปอื่นๆ ที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันซึ่งน่าจะหลุดออกมาพร้อมกับการปล่อยไอน้ำเพื่อลดความดันในเตาปฏิกรณ์

แผนรับมือขั้นสุดท้ายที่ TEPCO กำลังงัดออกมาใช้ คือ การปั๊มน้ำทะเลผสม boric acid เข้าไปให้ท่วมภายในเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ตามทฤษฎีแล้ว boron ใน boric acid จะเข้าไปจับนิวตรอนเพื่อหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ของนิวเคลียร์ฟิชชันในแท่งเชื้อเพลิง น้ำทะเลจะเข้าไปทำให้แกนแท่งเย็นลงและกัดกร่อนจนแท่งเชื้อเพลิงใช้งานไม่ได้อีกต่อไป พูดกันง่ายๆ คือ ปิดกิจการเตาที่ 1 ถาวรไปเลย

  • Update 14-03-2011 15:53
    ตอนนี้ TEPCO กำลังปั๊มน้ำทะเลเข้าเตาปฏิกรณ์ที่ 1 และ 3 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 แล้ว (มี
    การระเบิดที่เตาที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ หนึ่งวันหลังจากการะเบิดที่เตาที่ 1) ยังไม่มีใครทราบได้ว่าปฏิบัติการจะกินเวลานานเท่าไร และจะมีสารกัมมันตรังสีรั่วออกมามากเท่าไร (ทางเลือกนี้ถือว่าเป็น ทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะมีความเสี่ยงที่จะพลาดทำสารกัมมันตรังสีรั่วไหลเข้าสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าทางอื่นๆ) - ที่มาNew York Times

เป็นไปได้ว่า TEPCO อาจจะตัดสินใจปิดเตาปฏิกรณ์อันอื่นในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 ทิ้งไปพร้อมกันทั้งโรงด้วย เนื่องจากโรงไฟฟ้านี้ก็เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1971 และก็ใกล้จะเข้าสู่วาระเกษียณเต็มทีอยู่แล้ว

อย่างที่สาม คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมามีโอกาสดำเนินรอยตามรุ่นพี่อย่างที่ Chernobyl และ Three Mile Island หรือไม่

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าความกังวลที่ฟุกุชิมาตอนนี้ในแบบที่เลวร้ายสุดๆ (Worst case scenario) คือ "การหลอมละลาย" (Meltdown) ของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นภาวะที่แตกต่างจากสาเหตุการระเบิดที่ Chernobyl ปี 1986 (อันนั้นเกิดจากความดันไอน้ำสะสมจนแท่งกราไฟต์ในเตาปฏิกรณ์ระเบิด ส่งธาตุกัมมันตรังสีข้างในพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโดยรอบมากมาย -- ซึ่งฟุกุชิมาไม่ได้ใช้แท่งกราไฟต์แบบที่ว่า) และโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาก็ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงกว่าที่ Chernobyl อยู่มากโข

การหลอมละลาย (Meltdown) ของแท่งเชื้อเพลิงเกิดจากการที่แท่งเชื้อเพลิงมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัด โลหะที่ครอบแท่งเชื้อเพลิงอยู่จะระเบิดแตกออกไป สารกัมมันตรังสีที่เป็น fission fragments ทั้งหลายก็จะหลุดลอยออกสู่อากาศ ส่วนเชื้อเพลิงข้างในจะค่อยๆ หลอมเหลวและไหลหลุดออกมาจากแท่ง เชื้อเพลิงหลอมเหลวพวกนี้บางส่วนจะติดไฟ บางส่วนจะไหลลงก้นถังเตาปฎิกรณ์และหลอมจนตัวถังทะลุ และถ้าเชื้อเพลิงเหล่านี้ยังไม่หมดความบ้าพลังซึ่งอาจจะร้อนได้ถึงหลักพันองศาเซลเซียส มันก็จะหลอมโลหะที่ครอบเตาด้วย ทำให้เกิดการรั่วไหลของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ไปสู่สิ่งแวดล้อม คล้ายๆ กับที่เกิดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ Three Mile Island ปี 1979

ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นจัดให้เหตุการณ์ในฟุกุชิมาอยู่ในระดับ 4 หรือระดับ "อุบัติเหตุที่กระทบพื้นที่ระดับท้องถิ่น" ตามเกณฑ์ระดับอุบัติเหตุนิวเคลียร์ของ International Nuclear and Radiological Event Scale ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-7 นับจากต่ำสุดไปสูงสุด เหตุการณ์ที่ Three Mile Island อยู่ในระดับ 5 ส่วน Chernobyl ครองแชมป์หายนะตลอดกาลด้วยระดับสูงสุด 7

หลังจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการอพยพผู้คนรอบรัศมี 20 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งไปแล้วประมาณ 200,000 คน บางส่วนในนี้มีความเสี่ยงที่จะได้รับกัมมันตรังสีด้วย ซึ่งทางศูนย์อพยพก็ได้มีการสแกนตรวจสอบและแจกจ่าย จักษุธาตุ เอ๊ย ไอโอดีนให้กับประชาชนที่มีความเสี่ยงทุกคน เพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซับสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ระบบอวัยวะภายใน (อ่านความเห็นจากคุณ pawinpawin และ kittipat ได้จากความเห็นด้านล่าง)

ตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในสภาวะที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด แม้ว่าอุบัติเหตุในระดับ Chernobyl นั้นจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ (ความเป็นไปได้ที่มากกว่าคือเหตุการณ์อย่าง Three Mile Island ซึ่งก็ยังมีโอกาสน้อยอยู่ดี เพราะแผนการรับมือของ TEPCO เรียกได้ว่า "อยู่ในขั้นที่ดีมากๆ") อย่าลืมว่าตอนนี้ TEPCO และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเตาปฏิกรณ์ให้จัดการพร้อมกันถึง 6 เตา ความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวอาจนำไปสู่หายนะได้ทุกวินาที

ที่มา - New Scientist, BBC News, Live Science, Scientific American, New York Times, The Register

ขอปิดด้วย infographic สวยๆ จาก Live Science อีกครั้ง

 infographic of nuclear power plantSource:LiveScience

ป.ล. ข่าวนี้ยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการเพิ่มเติมรายละเอียดได้ทุกเมื่อหากมีข้อมูลเปิดเผยออกมามากขึ้น จุดที่น่าสงสัยบางอย่างอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ หรือปีๆ ในการหาคำอธิบาย

 

Submitted by mementototem on Sun, 13/03/2011 - 18:31.

นอกจาก Chernobyl ขอ Three Mile Island ด้วยก็ดีครับ อีกอย่างคือ ไอโอดีนจะกำจัด หรือช่วยบรรเทาพิษจากกัมมันตภาพรังสีได้เหรอครับ? ดูมันง่ายแบบไม่น่าเชื่อเลยแฮะ

 

Submitted by terminus on Sun, 13/03/2011 - 19:19.

ผมคิดว่าเค้าแจกไอโอดีน เพื่อกันไม่ให้ต่อม thyroid ดูดซึมไอโซโทปของไอโอดีนที่มีกันมันตภาพรังสีเข้าไปครับ เพราะถ้าไม่กันไว้ก่อน thyroid จะเก็บไอโอดีนกัมมันตรังสีไว้ ซึ่งน่าจะส่งผลเสียหนักและรักษายากสุด

http://hps.org/publicinformation/ate/faqs/ki.html

รู้สึกเหมือนมันจะช่วยแค่ป้องกันได้ในกรณีที่เป็นไอโอดีนกัมมันตรังสีเท่านั้น ส่วนตัวอื่นๆ ไม่เกี่ยว

 

Submitted by pawinpawin on Sun, 13/03/2011 - 19:19.

Iodine หรือ Potassium Iodide ที่แจกจะไปจับตัวในต่อมไธรอยด์ ป้องกันไม่ให้ต่อมไธรอยด์ทำการจับ Iodine ที่เป็นกัมมันตรังสีครับ เหมือนไปนั่งจองที่ไม่ให้พวก Iodine รังสีมีที่นั่งน่ะแหละ

แต่ก็เป็นเฉพาะต่อมไธรอยด์ และเฉพาะกับ Iodine ไม่ป้องกันที่อื่นของร่างกาย และไม่ป้องกันสารรังสีอื่นที่ออกมาด้วยอย่าง Cs

 

Submitted by pawinpawin on Sun, 13/03/2011 - 19:22.

อีกนิด ส่วนมากถ้าจะเป็นมะเร็งไธรอยด์จริง ก็มักเป็นชนิด Papillary ที่ไม่ได้รุนแรงมากเท่าไหร่ครับ (Survival Rate ใน Early Disease ใกล้เคียงกับคนปกติมาก หรือง่ายๆ คือตายจากมะเร็งอันนี้น้อยมาก) ส่วนมากมาด้วยก้อนที่คอ และทำการผ่าตัดออกได้ครับ

 

Submitted by kittipat on Sun, 13/03/2011 - 19:28.

ที่อ่านมาคือสารกรรมภาพรังสีที่จะมีออกมาคือไอโอดีนนี่แหละครับ แต่เป็นไอโซโทปกัมภาพรังสี การกินไอโอดีนธรรมดาไว้ล่วงหน้าจะป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซับไอโอดีนเข้าไปเพิ่ม ทำให้ไม่ตกค้างในร่างกายครับ ส่วนรังสีที่โดนทางผิวหนังนี่กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าโดนไม่นานและความเข้มข้นไม่ถึง ก็ไม่อันตรายมากครับ

Friday, March 11, 2011

Warrior & Worrier

 

Warrior คือ ลูกชาย… ไอ้ก๊อตตี้ของแม่ ส่วน Worrier คือ อิชั้นเองค่ะ เพราะ worry วอรี๊…..วอรี่ โน่นนี่ตลอดเวลา จริงๆ แล้ววันนี้มีข่าวดีมาแชร์นะคะ แต่ข่าวดีก็ออกผลพวงให้อิชั้นต้องวอรี๊…วอรี่นิดนึงค่ะ (ไม่มาก ค่ะ ไม่มาก) คือ ไอ้ตี้ของแม่จะไปโรงเรียนแล้วค่ะ กระโดดข้ามขั้นไปเข้าเรียนชั้น Kindergarten ในเดือนสิงหาที่จะถึงนี้แน่นอนค่ะ Yee….Ha!!!! เพราะหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นได้มีประกาศของ Unified School District ว่า เด็กหญิงและเด็กชายที่จะอายุครบ 5 ขวบภายในวันที่ 31 December 2011 นี้ ให้ไปรายงานตัวเข้าเรียนชั้นอนุบาล ในโรงเรียนที่บ้านตัวเองอยู่ในเขตนั้นๆ ค่ะ ดีใจ ดีใจ ดีใจมากกกกก….. ดีใจเอ๊ย ดีใจจัง เพราะอินโฟเก่า เค้าบอกว่า (ไม่รู้ไอ้บ้าไหนบอกต่อๆ กันมานิ) ปีการศึกษาใหม่ที่จะถึงนี้ เค้าจะตัดโควต้าเด็กที่มีสิทธิ์เข้าเรียนอนุบาล (Kindergarten) ต้องอายุครบ 5 ขวบภายในเดือนสิงหาคม ไอ้ตี้ของอิชั้นก็จะหลุดกระเด็นไปเริ่มเป็นเด็กอนุบาลปีการศึกษาหน้าโน้นนนน… เพราะไอ้วันปิยะของแม่จะอายุครบ 5 ครบก็วันที่ 23 ตุลาโน่น แก่ไปอีกปี แขวนต่องแต่งอยู่บ้านกับแม่ไปอีกปี

page-632

คือครอบครัวเรามีปัญหาการเงินติดต่อกันมาหลายปี หลายๆ คนที่ไม่ได้ติดตามอ่านก็คงไม่ทราบว่า เราเสียบ้านไปกับ foreclosure ทำให้ต้องทำ bankruptcy เช่าบ้านเค้าอยู่ 2 ปีแล้ว หนูดีต้องระเห็ดออกมาจากโรงเรียนแคธอลิค ฯลฯ เราพยายาม very hard to dig ourselves out from this hole ด้วยการ ลด ละ เลิก ตัดค่าใช้ทุกอย่างที่ตัดได้ แต่ก็เหมือนมีปัญหาที่อยู่เหนือการควบคุมก็เกิดขึ้นมาให้แก้ไขอยู่ไม่ได้หยุด เราอยู่แบบ “ทรงๆ” มา 2 ปีแล้ว ทั้งหมดคือปัญหาทางด้านการเงินของครอบครัว แต่โดยรวมแล้วเราก็มีความสุขดีค่ะ เพราะเราอยู่กันพร้อมหน้า 4 คน พ่อ แม่ ลูก เราบอกรักกันตลอด ครอบครัวเรา “เน้น” เรื่อง การแสดงความรู้สึกที่มีต่อกัน (affection) แม่-ลูกชื่นชมและภูมิใจที่พ่อทำงานหนัก เพื่อให้ทุกคน มีบ้าน (เช่า) อยู่ กินอิ่ม นอนหลับ หาความบันเทิงใส่ตัวและหัวใจตามอัถตภาพ ที่เล่ามาเสียยืดยาว จริงๆ ที่อยากจะบอกก็คือ พอการเงินตึงๆ เราก็เลยไม่สามารถส่งให้ลูกชายไปเรียน preschool ได้ (รู้สึกผิด ทั้งพ่อและแม่เลยค่ะ) เหมือนเที่เราได้เคยส่งรอมมี่ไปเรียนพรี-สคูลตอนประมาณ 4 ขวบ สมัยโน้น ค่าเรียนพรีสคูลของรอมมี่วันละ 27 เหรียญ แต่ตอนนี้ โรงเรียนเดียวกัน ค่าเล่าเรียนของพรีสคูลประมาณวันละ 40 เหรียญ ถือว่าแพงมากสำหรับครอบครัวเราในตอนนี้ค่ะ

page-633

ตอนที่รู้ว่าไอ้ตี้คงได้เข้าเรียนชั้น K ก็ปีการศึกษา 2012 โน่น พ่อแม่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สงสารลูกที่ไม่มี quality of life แบบวัยเรียนก่อนอนุบาล ก็พากันไล่ล่าหาโรงเรียนพรี-สคูลราคาย่อมเยาให้ลูก โรงเรียนฟรี..เราก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะพ่อบ้านทำมาหากินมีรายได้สูงไปนิดนึง โรงเรียนไหนที่พอรับได้ ราคาพอทน ไอ้ตี้ของแม่ก็ติด waiting list แบบ..ลืม..ไปเลยค่ะ โทรติดตามทวงถามก็ไม่เห็นว่าจะถึงคิวลูกของอิชั้นซักที โทรถามบ่อยๆ ก็ดูเหมือนเค้าจะชังหนังหน้าซะแล้ว พยายามจะไม่ถอดใจ เมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี้ได้รู้มาว่าที่ City Collage มีบริการ Child Development Center ราคาเพียง 8 เหรียญ ต่อครึ่งวัน (ประมาณ 3.5 ชั่วโมง) มีรอบเช้าและรอบบ่ายค่ะ (ขึ้นอยู่กับว่า..รอบไหนมีที่ว่าง) กำลังติดต่อสอบถามอยู่ว่าต้องเป็นนักศึกษาที่นั่นหรือปล่าว..จึงจะใช้บริการได้ ถึงแม้จะต้องขับรถไปรับ-ส่งลูกไกลหน่อยก็ยินดี (ประมาณ 12 ไมล์ ไป-กลับวันละ 2 รอบ ก็เอาการอยู่นะคะ) ขอแค่ให้เค้ารับลูกเราเข้าไปเรียนก็พอ (Although the gas price is getting sore…..$4.00 per gallon…huh?!?!…..) ขณะที่เรากำลังดำเนินการเรื่องนี้แบบช้าๆ ไม่เร่งรีบอะไร เพราะเข้าใจว่า ไอ้ตี้ต้องใช้บริการนี้ไปร่วมๆ ปี เราก็ได้ข่าวดีที่เล่าไปข้างต้น (ไอ้ตี้จะได้ไปโรงเรียนแล้ว เย้ๆๆๆๆ ดีใจอีกที 5555) เรื่องที่ซิตี้คอลเลจก็หยุดลงชั่วขณะ พอรู้ข่าวอิชั้นก็ตูดแป้นไปที่โรงเรียนเลยค่ะ ไปรับแพ๊คเกจเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน จะได้เตรียมตัวให้พร้อมในวันรับสมัคร (21-31 March 2011)

พอได้รับเอกสารมา ก็อ่านๆๆๆๆ ก๊อปปี้เอกสารที่ต้องการ โทรนัดหมอและหมอฟัน เพื่อพาลูกไปตรวจสุขภาพทั่วไปและสุขภาพฟัน คนที่มีรายได้น้อย ก็ไม่ต้อง เขียนแบบฟอร์มขอทำ waiver ได้อีก (แม่ม….อะไรๆ ก็ฟรีไปหมดแล้ว ยังจะมีเว๊บโว่ง- เวฟเว่อร์อีก เบื่อไอ้พวกนี้จัง สันหลังยาวแล้วมีรัฐดูแล บุญจริงๆ) พรุ่งนี้เช้าก็ต้องพาไอ้ตี้ไปทำสะอาดฟันอยู่แล้ว แต่หมอฟันดันไม่อยู่ พรุ่งนี้ไปก็ได้แค่ทำสะอาดตามกำหนดกับ dental hygienist แต่ต้องทำนัดเพื่อ visit หมอฟันอาทิตย์หน้าอีก ซึ่งก็ต้องเสียตังค์อี๊กกก… เฮ้อออ…. เพราะต้องเอาฟันไปให้เค้าดู แล้วก็เอาฟอร์มที่ได้รับมาไปให้หมอกรอก-เซ็นต์ให้เรียบร้อย ส่วนตรวจสุขภาพก็นัดอาทิตย์หน้าเหมือนกัน นอกนั้นก็มีรายการฉีควัคซีนให้ครบ พร้อมกับทำ TB Test ด้วย

page-630

อิชั้นก็รีบพาลูกแจ้นไปที่ Health Department เลยค่ะ เพราะฟรี 5555 แล้วก็มั่นใจว่าเค้ามีวัคซีนครบแน่นอน พาไปคลีนิคทีไร วันซีนนั้นมี ตัวนี้ขาด ต้องมีการไปรอบ 2 รอบ 3 แต่ละ visit ที่ไปก็ต้องจ่ายตังค์นะคะ ถึงไปแล้วไม่ได้ฉีดซักเข็มก็ต้องเสียตังค์ค่าบริการ หมอ ฯลฯ แถมนั่งรอเป็นนานสองนานให้มีโมโหอีก ที่ Health Department ก็รอนานเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับรอรากเลือด 5555 ของฟรี อยากได้ก็ต้องทนค่ะ

เมื่อวานที่พาลูกๆ ไปฉีควัคซีน ไปถึงตอนบ่ายสามครึ่ง เค้าเริ่มให้บริการตั้งแต่ 4-6 โมงเย็นค่ะ (เค้าให้บริการฟรีเฉพาะวันพุธ แบ่งเป็น 2 รอบค่ะ รอบเช้า 8-10 โมง รอบบ่าย 4-6 โมง) พอไปถึงได้รับบัตรคิวลำดับที่ 6 ค่ะ แต่ครอบครัวไอ้เม๊ก 5 ครอบครัว ที่ไปก่อนหน้า ก็พาลูกๆ ไป ครอบครัวละฝูงนึงค่ะ นั่งกันเป็นตับเหลือที่นั่งอยู่ไม่กี่ที่เลย เฮ้ออออ…. มีลูกกันบ้านละ 8 บ้านละ 10 ให้ลุงแซม (หน้าโง่) เลี้ยง 5555 ต่อๆๆๆๆๆ พอถึงคิว-เค้าเรียกไป แล้วก็คีย์ๆๆๆๆ ดูคอมพิวเตอร์ ไอ้ตี้ต้องฉีดวัคซีน 5 เข็ม กับ TB Test อีก 1 เข็ม รอมมี่ต้องฉีด Flu Vaccine เข็มเดียว จากนั้นก็ไปนั่งรอต่อข้างในแต่รอไม่นานค่ะ บุรุษพยาบาลเดินมากับ 2 ถาดเล็กๆ ถาดแรกของไอ้ตี้ เข็มเรียงมาเป็นตับ เห็นแล้วสยอง 55555 ส่วนของอีรอม..เข็มเดียวมาโด่เด่ 555

 page-629

ตอนที่เจ้าหน้าที่เดินถือถาดมานั่ง ไอ้ตี้ยังไม่รู้สึกกลัวอะไร นั่งเลือกสติกเก้อร์กับพาสเต้อร์ปิดแผลอยู่อย่างเมามันส์ จะปิดให้พรึ่บเลย เลือกเอาแต่ลายรถราจากการ์ตูนเรื่อง Cars  พอเค้าเริ่มแทงเข็มแรกที่ท้องแขนซึ่งเป็น TB Test ไอ้ตี้ก็ยังนั่งดู ทำปากจู๋ร้อง เอ๊าช์ๆๆๆ ouch-ouch พอเข็ม 2-3-4 ตรงต้นแขนซ้าย ก็ร้อง เอ๊าช์ๆๆๆๆๆ เอ๊าชี่ เอ๊าหวี่ ไปเรื่อยๆ และพยายาม เอี้ยวหน้าไปดูที่แขน อิชั้นก็กอดลูกไว้ พอจะเริ่มเข็มที่ 5-6 ที่ต้นแขนขวา ชักดิ้นหนีแล้ว ต้องกอดไว้ให้แน่นเชียว พอเข็มลง ก็ เอ๊าช์ๆๆๆ ต่อด้วย แงๆๆๆๆๆๆๆๆ แง น่าสงสารมาก 555 พอเสร็จจากไอ้ตี้ เค้าก็ต่อที่อีรอม-บั๊ฟฟี่นั่งเฉยมาก ถ้าฉีดแทนกันได้ ก็คงจะให้เค้ากระหน่ำแทงบั๊ฟฟี่รอมมี่ดีกว่า 5555

ตามปกติแล้วไอ้ตี้เนี่ยจะเป็น little trooper เลยนะคะ คือบักอึ๊ดดีพอใช้ แต่งานนี้มันหลายเข็มเกิ้นนนน…. สุดจะทานรับไหว little warrior ก็เลยต้องเสียน้ำตา 555 พอออกมาก็เลยแวะซื้อโดนัทให้ลูก แล้วตรงดิ่งกลับบ้านเลย แล้วก็หาข้าวหาปลาเลี้ยงลูก พอเสร็จแล้วก็นั่งอ่านระเบียบการต่างๆ ของไอ้ตี้ (เห่อซะมากมาย) พออ่านไปมา…มาถึง Questionnaire for Parents ก็ปวดจี๊ด…เข้าที่หัวใจเลยค่ะ เพราะมีส่วนที่เป็น Kindergarten Readiness Checklist อ่านแล้วก็..สะอึก จึ๊กกะดึ๋ย..เลย เพราะถ้าต้องทำตอบสอบถามเช็คลิสต์อะไรแบบนี้สำหรับรอมมี่ก็จะ อีซี่ อีซี่ แต่พอต้องทำแบบสอบถามเกี่ยวกับไอ้ตี้ แงๆๆๆๆๆๆ ….แม่ขอโทษลูกเอ๊ยยยย….

page-631

ต้องสารภาพว่าเลี้ยงลูก 2 คนมาแบบต่างกันราวกับฟ้ากับเหว (ถ้าถามเรื่องรัก…ไม่ต้องคิดเลยค่ะ รักลูกทั้งสองสุดหัวใจ) เพราะหนูดีเป็น first born เกิดมาแบบขาดๆ เกินๆ ตอนเป็นเบบี้ก็ถูกรักฟูมฟัก (อย่างมากกกก…) มาจากครอบครัวใหญ่ คือ มีป้า (แม่จ๋า) และคุณยายเลี้ยงมา ทั้งยังเป็นสุดที่รักของคุณลุงและพี่ภูมิ อิชั้นก็ไปทำงานได้แบบเต็มๆ ไม่มีห่วง เหนื่อยทะเลาะกับแม่หน่อยนึง 5555 อิชั้น take serious มาก กับการดูแลท้อง new born เบบี้ และทุกๆ รายละเอียด ทุกๆ development milestones ของลูก อ่านหนังสือ รีเสิร์ช เหมือนจะสอบ entrance…

page-628

พอมาอยู่กันที่เมกา อิชั้นไม่มีงานการทำแล้วก็แพมเพ่อร์หนูดีแบบสุดๆ สอนอ่าน เขียน (โฮมสคูลแบบฝีมือแม่ 100%) พอสามขวบกว่าๆ หนูดีก็อ่านหนังสือชั้น K และ เกรด 1 ได้เกือบหมดค่ะ เขียนชื่อแซ่ ตัวเอง พ่อ แม่ ญาติโกโหติกาได้หมด ที่อยู่เบอร์โทร อ่าน-เขียนคำง่ายๆ ได้เยอะเกินอายุ (อย่าเอาไปเทียบกับเด็กอัจฉริยะนะคะ 555 ไม่สู้เค้าค่ะ) ใครเห็นใครตะลึง พอเอาไปเรียนพรี-สคูล ครูๆ ก็ชื่นชม เอาเป็นตัวอย่างในชั้นเรียนตลอด ล้ำนำหน้าชั้นไปไกล พอเข้าชั้น K ก็กลายเป็น Teacher Pet สุดยอกนักเรียนอีก ก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมาค่ะ เวลาลูกใกล้ๆ เปิดเทอมก็จัดซื้อหนังสือเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากหนังสือเรียน คู่มือสำหรับสำหรับพ่อแม่ ฯลฯ อ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนกับว่าดีใจมากมายที่โรงเรียนจะเปิดเทอม จะได้ไปโรงเรียนเสียเอง..ตื่นเต้น ดีใจมากกว่าลูกอีกค่ะ 5555 พอโตๆ มาหน่อยก็ off track บ้าง นานๆ ครั้ง แต่ก็กลับเข้าร่องเข้ารอยเป็นเด็ก เอ-รวด บ้างๆ ไม่เอ-รวดบ้าง คือถ้าพูดเรื่อง academic หนูดีก็พอใช้ได้ค่ะ แต่ก็ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่บ้าง เพราะถ้าไม่กวดขันเลย ก็คงไม่เข้าท่าเหมือนกันค่ะ ถ้าพูดเรื่อง attitude & behaviors อย่าให้เซดค่ะ ต้องให้รางวัลยอดแย่ ตั้งแต่เป็นพรีทีนมา เทอ-เปี่ยน-ไป๋ ค่ะ เธอเปลี่ยนไป … ไปในทางแย่ๆ งี่เง่า sassy & talk back จบเรื่องอีรอมดีกว่า แค่นึกถึง ก็อยากเดินไป “เบิ๊ด-โหลก” มันซะเฉยๆ ค่ะ 5555

page-625

มาถึงคราวไอ้ตี้ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี คือ มีไอ้ตี้ตอนแก่ โรคขี้เกียจก็รุนแรงกว่าเมื่อก่อน ไอ้ตี้ก็เลยถูกเลี้ยงมาด้วย NOGGIN ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น nick jr.  เพราะเค้าโฆษณาว่าเป็น preschool on TV 55555 อีกช่องนึงคือ PBS KIDS Sprout ก็เลี้ยงเด็กเก่ง แม่สันหลังยาว ก็เลยให้ไอ้ตี้เบบี้ซิตตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ 5555 อิชั้นเลี้ยงลูกชายแบบนอนเลี้ยง ไอ้ตัวโตไปโรงเรียน ไอ้ตี้ก็ถูกเลี้ยงด้วยทีวี รู้จักโม้ดดดด… A-Z นับ 1 ถึง 18-19-20 พอวันไหน แม่มีอารมณ์จะสอนหนังสือหนังหาไอ้ตี้ซะหน่อย ความอดทนของทั้งแม่และไอ้ตี้ต่างมีจำกีด ไอ้ลูกก็ไม่อยากเรียน ไม่อยากเขียนตามที่แม่บอกให้เขียน อิแม่ก็ไม่ได้อยากสอน 555 พอลูกงอแง งี่เง่า ทำอะไร ม่าย-ล่าย-หลั่ง-จาย แม่มันก็… “class dismissed” เลิกรากันไป กร๊ากกกก…. 5555 พอต้องมาตอบแบบสอบถาม เหมือนหัวจะระเบิดค่ะ ถ้าตอบให้อีรอมเร๊อะ เช๊อะ ง่ายมาก ถูกหมด ได้หมด  outstanding หมด

 page-627

งานนี้ “จุก” แต่ไม่ยอมจอดค่ะ ต้องแจวให้ถึงที่สุดค่ะ ตอนนี้กำลังติวเข้มไอ้ตี้อยู่ เพราะไม่อยากให้มัน behind เพื่อนร่วมชั้น เพราะถ้าเกิดในชั้นมีเด็กที่ ahead (แบบเบบี้รอมมี่) เยอะๆ ไอ้ตี้ตายแน่ค่ะ เพราะไอ้ตี้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการอ่านการเขียนมากนัก แถมไม่มีวินัยใดๆ เลย ตายๆๆๆๆๆ คิดไปก็ปวดกบาลมากค่ะ พ่อบ้านบอกว่า ก่อนที่ลูกจะไปเรียนคินเด้อ จะพยายามเอาไปเรียนที่ซิตี้ตอลเลจซักเดือน สองเดือนค่ะ

อยากให้ทุกๆ คนได้เห็นแบบฟอร์มที่เค้าให้ตอบคำถามค่ะ แต่ขี้เกียจพิมพ์ จะสแกนก็ใหญ่โตแปะยาก แปะเล็กๆ ก็อ่านลำบาก เลยลองไปก๊อปอันนึงจากอินเตอร์เน็ตมาแบ่งๆ ให้อ่านกันเล่นๆ ค่ะ ไม่เหมือนกันฟอร์มที่ได้รับมาแบบเป๊ะๆ แต่ก็คล้ายๆ ค่ะ แบบสอบถามที่ต้องทำจริงๆ ยาวกว่า ถามละเอียดกว่า เน้นเรื่องช่วยเหลือตัวเอง รู้จัก recognized ข้าวของของตัวเอง กินอาหารเอง เปิด-ปิดภาชนะ การใช้ห้องน้ำ แต่งตัวเอง เรื่องมารยาท วินัย การเล่นร่วมกับคนอื่น ไม่ทำร้าย ทุบตีเพื่อน ฯลฯ ใครที่มีลูกรุ่นเล็ก ก็ลองๆ ทำดูนะคะ หรือเตรียมลูกๆ ให้พร้อมกว่าอิชั้นค่ะ

 

Kindergarten Readiness Checklist

(คำตอบสำหรับไอ้ตี้เป็นสีแดง และ ความเห็นเป็นสีม่วงค่ะ)

Part 1: Concept Development

Does Your Child. . .

recognize and/or name colors? ____Yes ____Not yet

match or sort items by color and shape? ____Yes ____Not yet

participate in art and music activities? ____Yes ____Not yet

understand concepts such as: in, out, under, on, off, front and back? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

know her/his body parts (head, shoulder, knees, etc.)? ____Yes ____Not yet

draw a picture of her/himself including head, body, arms and legs? ____Yes ____Not yet

demonstrate curiosity, persistence and exploratory behavior? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

Part 2: Physical Development

Does Your child . . .

put puzzles together? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ถ้าไม่ complicated เกินไปค่ะ)

cut with scissors? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ พอตั้งใจให้ตัดกระดาษก็จับกรรไกรเก้ๆ กังๆ พอไม่ได้บอกให้ตัด ก็ไปตัดผ้าม่าน โซฟา ฯลฯ แหกหมดแล้ว ไม่เห็นตอนมันทำลายของว่ามันจับกรรไกรเข้าท่าหรือปล่าว 5555)

try to tie her/his shoes? ____Yes ____Not yet

enjoy outdoor play such as running, jumping and climbing? ____Hell Yessssss ____Not yet

hold a crayon or marker? ____Yes ____Not yet

ride a tricycle? ____Yes ____Not yet

bounce a ball? ____Yes ____Not yet

Part 3: Health and Safety

Does Your Child . . .

have a set routine and schedule for: preparing for bed, personal hygiene (e.g., brushes teeth, takes a

bath), and eating meals? ____Yes ____Not yet

use good habits (e.g., uses spoon to eat, closes mouth when chewing, covers nose and mouth to sneeze, washes hands after using toilet and before eating)? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No เพราะยังต้องบอกและเตือนตลอดค่ะ)

follow simple safety rules? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No สอนตลอดแต่มันไม่ฟังค่ะ)

visit the doctor and dentist regularly? ____Yes ____Not yet

eat healthy foods? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

Part 4: Number Concept Development

Does Your Child . . .

arrange items in groups according to size, shape or color? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ถ้าเงื่อนไขข้อจำกัดมากๆ ก็ทำไม่ได้ค่ะ)

group items that are the same? ____Yes ____Not yet

arrange toys or objects in size order, big to small or small to big? ____Yes ____Not yet

use words like bigger, smaller or heaviest to show comparison? ____Yes ____Not yet

compare the size of groups of toys or items? ____Yes ____Not yet

correctly count four to ten objects? ____Yes ____Not yet

show an understanding of the passing of time? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางครั้งเข้าใจ แต่บ่อยๆ ไม่ค่อยยอมรับค่ะ คือมันจะไม่เลิก ไม่ฟัง ก็ต้องมีการ..แว๊ดดดด…..)

Part 5: Language

Does Your Child . . .

talk in sentences? ____Yes ____Not yet

follow through when you give her/him one or two directions? ____Yes ____Not yet

use descriptive language? ("That’s a tall building with round windows.") ____Yes ____Not yet

use simple conversational sentences? ____Yes ____Not yet

sing and/or recite nursery rhymes? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ร้องฮัมพึมพำเพลงการ์ตูนได้หลายเรื่องค่ะ rhymes ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ไม่ได้เกิดจากการสอน เรียนเองจากทีวีค่ะ)

use sentences that include two or more separate ideas? ____Yes ____Not yet

pretend, create and make up songs and stories? ____Yes ____Not yet

talk about everyday experiences? ____Yes ____Not yetask questions about how things work in the world around her/him? ____Yes ____Not yet

express her/his ideas so that others can understand? ____Yes ____Not yet

tell or retell stories? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางครั้งรู้เรื่องค่ะ แต่บ่อยครั้งที่ เอ่อ เอ่อ ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ)

Part 6: Writing

Does Your Child. . .

try to write, scribble or draw? ____Yes ____Not yet

have a collection of paper, pencils, crayons? ____Yes ____Not yet

like to receive notes from you and others? ____Yes ____Not yet

ask you to write words or notes to people? ____Yes ____Not yet

use chalk or magnetic letters? ____Yes ____Not yet

attempt to write her/his name? ____Yes ____Not yet

attempt to invent her/his own spelling while writing (scribbling sentences)? ____Yes ____Not yet

see you writing (e.g., notes, recipes, lists, letters, reminders)? ____Yes ____Not yet

Part 7: Reading

Does Your Child...

enjoy getting a book as a present? ____Yes ____Not yet

have many books of her/his own and a special place to keep them? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางทีเก็บเข้าที่ แต่บ่อยๆ ที่ไม่เก็บค่ะ)

recognize her/his first name in print? ____Yes ____Not yet

look at books or pictures on her/his own? ____Yes ____Not yet

read stories or verses to you? (e.g., shares verses or stories read at school; reads or pretends to read her/his library books) ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No เปิดหนังสือแล้วก้ งึมงำ พึมพำอยู่คนเดียวบ่อยๆ ค่ะ)

try to read in everyday situations? (e.g., street signs, store signs, cereal boxes, newspapers, magazines, TV advertisements) ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

try to talk about or retell the stories or verses heard in school? ____Yes ____Not yet

try to read along with you on favorite parts of the story or sentences that are repeated over and over again? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ชอบให้พ่ออ่านให้ฟัง แล้วตัวเองก็ interrupt จนคนอ่านหมดความอดทนค่ะ)

see you reading? (books, magazines, letters, newspapers, recipes, etc.) ____Yes ____Not yet

know any nursery rhymes by heart? ____Yes ____Not yet

pretend to read books by reading the pictures? ____Yes ____Not yet

Part 8: Social & Emotional Development

Does Your Child . . .

use words to solve problems when angry or frustrated? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

use words such as "please", "thank you" and "excuse me"? ____Yes ____Not yet

attempt new tasks knowing it’s okay to make mistakes? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ชอบพูดว่า I can’t ก่อนที่จะลองหรือลงมือทำค่ะ)

do things for her/himself (e.g., dress self, put away toys and belongings, take care of own toilet needs)? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

have success in taking turns and sharing? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

interact appropriately with peers and have friends? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

ask for help when necessary? ____Yes ____Not yet

stay with an activity to completion (e.g., finish a picture, build something with blocks/legos)?

____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

follow through when you give directions? ____Yes ____Not yet

comply with rules, limits and routines? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

interact appropriately with adults? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

respect the rights, property and feelings of others? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

พอทำเสร็จปุ๊บ ….ก็ เอ่อ อ่า เฮ้ออออ….. เยอะเลยที่ต้อง “ซ่อม” ไม่ท้อค่ะ เรื่องลูก พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ท้อค่ะ

page-609

กลับมาที่เรื่องฉีดยานิดนึงค่ะ พอตกค่ำ ไอ้ตี้ก็ตัวร้อนเชียว วัดได้ 101.5˚F โน่นเลยค่ะ ก็ให็ยาและดูแลแบบ “แม่มือโปร” ค่ะ ไม่อยากพาไปโรงพยาบาล เพราะหมอก็ต้องบอกให้ทำในสิ่งที่มำอยู่ให้ยาแบบที่กำลังให้อยู่ พอเช้า พารอมมี่ไปทำสะอาดฟัน (เค้าโทรมาเลื่อนค่ะ) แล้วก็ไปส่งที่โรงเรียน พอถึงบ้านไอ้ตี้ตัวร้อนจี๋ 103.7˚F ก็จับถอดเสื้อผ้า ให้ยา บังคับให้นอน ลูกก็นอนกระสับกระส่ายพลิกไปมา ซักพักลุกขึ้นไปอาเจียนใส่ผ้าห่มที่ปลายเท้าพ่อ อิชั้นก็รีบทำสะอาด ดีที่ไม่ทำเปื้อนตรงที่นอน ไม่งั้น ยาววววว…. ก็แค่เช็ด ล้าง เอาผ้าห่มใหม่ออกมา พยายามนอนกันต่อ พอไปรับอีรอม ไอ้ตี้อาเจียนในรถอีก ถึงบ้านก็ทำสะอาดคาร์ซีทอีก จับไอ้ตี้ลงอ่าง วัดไข้ได้ 103.3˚F เหนื่อยใจจัง แต่ก็สงสารลูก ตัวร้อนจี๋ ไข้ไม่ลงเลย ป้อนอะไรก็ไม่ค่อยอมกิน พอค่ำๆ คงหิวนั่งดูทีวีกับแม่ที่กำลังดวดกาแฟอยู่ ไอ้ตี้กินครัวซองต์ไป 4 ตัวจิ๋วๆ เลยค่ะ เห็นลูกกินได้ก็อุ่นใจ ก็พยายามสู้กับไข้ต่อไป เมื่อวานเค้าฉีดเชื่อโรคเข้าไปตั้งหลายตัวนี่เน๊าะ ก็ได้แต่บอกลูก ….ต้องสู้ ต้องสู้ ถึงจะ ชนะ

page-626

Before I got married I had many theories

about bringing up children;

now I have two children, and no theories.

ProudMommy-01