Friday, September 25, 2009

Crocs Attack !! ถูกรองร้องเท้าไอ้เข้บุก 555

จากโปรโมชั่นนี้ค่ะ

Crocs_Promotion

สั่งไปเมื่อวันอาทิตย์ ได้รับของวันนี้ (ศุกร์) ค่าส่งฟรี มาเปิดกล่องกันเลยค่ะ

ShoesPage-17

ไอ้ 4 คู่เหมือนนั่น คือ หนาวนี้เราจะเดินเป็นแฝดกันทั้งบ้าน พ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย 5555 รองเท้าไอ้เข้รุ่นนี้ ใส่สบาย อุ่นเท้า (ตอนอากาศหนาว) มีใส่อยู่คนเดียวมาหลายปีแล้วค่ะ ใส่ไปร่อนซื้อข้าวของได้สบาย ถ้าไปขึ้นเขาลงห้วยล่ะก้อ ไม่ไหวแน่ๆ แต่พวกเราเน้นเอาไว้ใส่เดินเพ่นพ่านในบ้านเท่านั้นค่ะ สวมใส่-สลัดเตะออกจากเท้าได้ฉับๆ ไอ้มิกกี้สีแดงนั่นเป็นของลูกๆ ค่ะ จริงๆ อิแม่ก็อยากได้แหละ เอาไว้ใส่เหมือนลูกๆ แต่ไม่เอาดีกว่า มันไม่รับหน้าจริงๆ ค่ะ 5555 แล้วลูกสาวเดี๋ยวนี้ก็ใส่รองเท้าใหญ่กว่าแม่ไป 1 ไซ้ส์แล้ว ถ้าหากมันไม่ใส่ แม่ก็คงพอใส่ถูๆ ไถๆ ลากไปลากมาแถวๆ นี้ได้ (มั๊ง)

ShoesPage-18

ดูจากออเด้อข้างล่าง ก็ไม่ได้ถูกอะไรมากมาย เพราะรองเท้าจากสปริงซีซั่นก็ได้ลดราคาลงไปแล้ว ไอ้ 4 คู่เหมือนก็ซื้อมาราคาเต็มๆ เลย ทีแรกจะไม่ซื้อให้นังซะมี เพราะคิดว่าคงไม่ใส่แน่นอน ลองแย๊บถามดู ข้าจะซื้อแบบนี้ใส่กัน เอ็งจะเอาด้วยหรือป่าว พี่แกก็เอ็ดตะโรมาเชียว “อะไรๆ ก็ให้กรู left-out อยู่คนเดียว ….เอาด้วยคู่นึง” พ่อจะเอา…แม่ก็จาดห้ายยยย…. แม่จะได้เลือกรองเท้าให้ตัวเองอีกคู่นึง 555 แต่รองเท้าจากสปริงซีซั่นที่ให้เลือกฟรี ก็ไม่ได้มีให้เลือกมากรุ่นหลายแบบหรอกนะคะ รุ่นที่เราชอบ ก็ไม่มีสี หรือ ไซ้ส์ที่เราต้องการ เลยได้มาอย่างที่เห็น กลายเป็น ธีม “แดง-ดำ” ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

Crocs_Promotion-01

Monday, September 21, 2009

หายไปนานเลย กลับมาอั๊พซะหน่อย

จริงๆ มีเรื่องต้องมาเล่าสู่กันฟังเยอะแยะ แต่… แหม…. มันนานแล้ว หลายๆ เรื่อง แก่แล้วชักเลอะเลือน แถมไม่ได้เอามาเล่าสดๆ ฉับๆ มันไม่มันส์นิ เป็นว่า…เอาของที่ซื้อไว้มาแปะให้ดูดีกว่า จริงๆ ซื้อเยอะแยะ เละเทะ จับฉ่าย มีทั้งที่ กิน ใช้ หมดไป เยอะเชียวค่ะ เอาแต่ที่ถ่ายรูปเก็บไว้มาดูกันดีกว่านะคะ

อันนี้เป็นกระเป๋าของอิชั้นเอง ไม่มีกะตังค์ซื้อไฮเอนด์แพงๆ กะใครเค้า แถมโอกาสจะใช้กระเป๋าเริ่ดๆ ดีๆ ก็มีน้อย จะแบกจะถือไปอวด โลโซ โค กระบือ แถวๆ นี้ก็ไม่เกิด “คุณ” หรือ ทำให้อิชั้นสุขสำราญใจแต่อย่างใด 55555 กระเป๋าที่เลือกใช้ (เลือกซื้อ) ส่วนมากคำนึงถึงความ versatile เป็นหลัก มันต้องเอนกอนันต์คุณประสงค์มากๆ ลากไป ฟาดมา ยัดเข้าไป เทออกมา ได้อย่างทนทาน และ “ความจุ” นี่ก็สำคัญยิ่งยวดจริงๆ เพราะยังต้องพกพาสารพัดสิ่ง เหน็บไดเป้อร์กับเบบี้ไว้พ์ของลูก บางทีล้วงไปมาเวลาจะจ่ายตังค์ซื้อของมีให้หน้าแตกแหกหลุดเป็นชิ้นๆ สิ่งที่ไม่น่าจะพบในกระเป๋าของบุคคลทั่วๆ ไปแต่สามารถพบเห็นได้ในกระเป๋ายอดคุณแม่อย่างดิฉัน เช่น รถ-เครื่องบิน-ของเล่นของลูก ผ้าขี้ริ้วเปียกๆ (ผ้าเช็ดจาน-เช็ดโต๊ะ) รีโหมตโทรทัศน์ รองเท้าของลูก (เพียง 1 ข้าง) แอ๊ปเปิ้ลที่ถูกกัดแหว่งๆ เหี่ยวๆ สีน้ำตาลเน่าๆ สารพัดกระดาษห่อขนมของคบเคี้ยว ฯลฯ คิดกันเอาเองเถอะค่ะ อุบาทว์จริงๆ วกกลับเข้ามากระเป๋า 2 ใบล่าสุด

ใบแรก เป็น PUMA (PUMA Campus Handbag สี Fiesta Red/Deep Wisteria) ชอบกระเป๋าพูม่า เพราะราคาไม่แพง ใช้ได้เรื่อยๆ ในวันสบายๆ คุณภาพก็เหมือนกระเป๋ากีฬาทั่วๆ ไป ไม่ได้แข็งแรงเลิศเลอเป็นพิเศษอะไร แต่มีแบบและขนาดให้เลือกมากดีค่ะ มีอยู่แล้ว 4 ใบ ต่างขนาด ต่างสี และต่างวัสดุ ใช้แล้วก็ติดใจ ใบนี้ใหญ่ Dimensions กำลังดีเลย 15" wide x 8" high x 5" deep แล้วหูก็สะพายใส่ไหล่อ้วนๆ ได้สบายๆ วันแรกที่ใช้ก็เกิดมีขำ ไปรับลูก เจอรถบรรทุกของ FedEx จอดอยู่ข้างๆ โห…. สีเดียวกับโลโก้เค้าเลย 555 แม่ง-สวด….ม่วง-แสด เหมือนกันเปี๊ยบเลยจ้า ลูกขำใหญ่ มีอีกวันต้องไปทานเลี้ยงกับนังซะมี ก็ขี้เกียจเปลี่ยนกระเป๋า เดินขึ้นรถโดนอีปั๋วแว๊ด…. ไปเปลี่ยนกระเป๋าเลยอีอ้วน อายเค้ามั่ง แก่แล้วนะ เดี๋ยวเค้านึกว่าถือกระเป๋าลูก ก็เลยไปจกๆ โยนๆ ของที่จำเป็นใส่ “ลุ๋ยตุ๋ย” ซะให้มันเสร็จๆ จบไป พอกลับถึงบ้านก็จับลุ๋ยตุ๋ยเทของกลับใส่พูม่าใบนี้เหมือนเดิม

Purse_Page-08

กระเป๋าใบต่อมาเป็น Marc by Marc Jacobs Standard Supply Utility Tote (สี Dirty Martini) แค่กระเป๋าเฉยๆ ก็หนักเอาการ ใช้อยู่ 2 วีคก็ต้องเปลี่ยน แต่จุได้ใจ พอมันยิ่งจุ ก็ยิ่งขนสมบัติขยะใส่เข้าไป ก็ยิ่งหนัก พอจะหาอะไรก็แทบเอาหัวเข้าไปงมหา สรุปก็ชอบนะ ดูแข็งแรงดี ราคาไม่แพง ถึงจะเป็นไลน์หนึ่งของน้อง “ยาขอบ” เค้า (เรียก ยาขอบ เหมือนชื่อเบอม่า ชะ ชะ ช่า เลยเน๊าะ 5555)  ขนาด ก้นกระเป๋า 14" xปากกระเป๋า 20" x สูง 11"  พอๆ ก็บ ลุ๋ยตุ๊ย-เนฟเว่อฟูลแหละ แต่หนักกว่าเยอะ โปรดสังเกดไอ้ตรงที่ต่อตัวหูกระเป๋ากับตัวกระเป๋าน่ะ ไม่ค่อยถูกใจเจ้เลย มันเหมือนจะไม่ทน แต่ลองกระชากๆ ดู ก็โอเคแหละ ไม่ขาดคามือ 5555 ซิปที่ปิดกระเป๋าก็ดูแข็งแรงดี มีช่องใส่ของเล็กน้อยและช่องซิปอยู่ด้านใน ถ่ายรูปกระเป๋าทั้ง 2 ใบ ได้ห่วยดี ดูยู่ยี่ยับเยินมากๆ เดี๋ยวงี่เง่าซื้อกล้องใหม่ดีกว่า เพิ่งซื้อกล้อง Canon SD780is ให้เบิ๊ดเดคุณพี่หญิงใหญ่สีแดงแปร๊ดดดดดดด…ให้เค้าแล้วเกิดลมริษยา อยากได้เอง 55555 แต่เล็งๆ G10 อยู่ สองจิตสองใจ วุ๊ย สึแดงมันแดงสะใจจริงๆ มันแดงงงง……หลอนมากค่ะ แล้วจะทำไงดีกับไอ้ 3 ตัวที่มีอยู่ ฮึ่ม

Purse_Page-09

ตานี้ก็มาถึงซื้อรองเท้าให้ลูกสาว เด็กอะไรไม่รู้ teen โตมากมาย ใส่รองเท้าเบอร์ 8.5 แล้วค่า ใหญ่กว่าแม่มันซะอีก คู่แรกก็ Ed Hardy ผีทะเลนั่น งอแงงี่เง่าอยากได้อยู่นานแล้วก็เลย คุณแม่จัดห้ายยย…ค่า พอนังหนูไปเห็น Coach หุ้มข้อเข้า-เธอลังเล อิแม่มันก็บอกนี่แกชั้นพิมพ์แบ๊งค์ไม่ได้นะยะ ทีละคู่ย่ะ เธอก็หน้าหงิกงงสับสนในชีวิตคิดไม่ตก….ไม่รู้จะเอาคู่ไหนดี อิแม่มันเลยใจอ่อน เอาวะ 2 ก็ 2 ไปจ่ายตังค์ แล้วก็บอกย้ำลูกใส่ให้มันคุ้มเงินนะเฟ้ย ข้าวของซื้อมาแพงๆ ต้องรักษา ส่วน teen น่ะ ชะลอการโตไว้บ้างก็ดี เฮ้อ เจือก teen ใหญ่กว่าแม่ แม่ใส่ด้วยก็ไม่ได้ แถมสไตล์ของแม่คุณ อิแม่จะขอประสมทั่วใส่ด้วย คงจะไม่น่าดู 5555 Emo Mommy 55555

ShoesPage-16

ตานี้ก็มาถึง Mario Badescu ที่ขอตัวอย่างไปโกฏปีจนลืม อยู่ๆ ก็เจอห่อในตู้จดหมาย ส่งมาในวันร้อนจี๋ด้วย เลยเยิ้มซะหน่อยนึง ยังไม่ได้ลองเลย ตอนนี้ก็ละเลงพรหล้าไปจนเคยชินแล้ว คล่องไม้คล่องมือ synchronized ได้ดีแล้ว ไม่อยากไปสลับสับเปลี่ยนอะไรตอนนี้ เลยเก็บไปก่อน เดี๋ยวจะเอามาลอง เมื่อชาติต้องการนะคะ

ส่วนเครื่องสำอางราคาเยา NYX ที่เลื่องลือว่าดีเกินราคา ไม่เคยคิดอยากจะซื้อมาใช้ เคยมีดินสอเขียนขอบปากอยู่ 1 แท่ง ก็ชอบแหละ เม็ดสีรุนแรงเข้มข้นชัดเจนดี พออ่านที่เค้ารีวิวกันท่วมท้น ว่า ดี ด๊ ดี ราคา ถู้กกกก ถูก ก็เลยแจ้นไปหามาใช้บ้างคงจะดี อ้าว เฮ้ย หายไปไหนฟะ ทั้งเช้ลฟ์เลย เดินวนหา จนพนักงานเค้ามาถาม หาไรเหรอป้า ก็บอกหา “นิ๊กซ์” อยู่น่ะแก ชั้นหาไม่เจอ พวกแกย้ายมันไปไหน นังพนักงานบอก อ๋อเค้าเลิกขายแล้วป้า เค้าเอาไปเทรวมใส่ตะกร้าตรงโน้นนนนนน ทำปากจู๋ปากยื่นปากยาวชี้ทิศทางได้ชัดเจน  อิชั้นก็รีบโกยไปดู โห…น่าเกลี่ยดมาก เละเทะ จับไม่ลง คนแย่ๆ ที่มันมารื้อไปก่อนทำไว้ซะเละเทะไม่น่าจับต้อง ก็เลยได้มาเท่าที่เห็นในรูป พอมาเช็ดขัดสีฉวีวรรณแล้วจับถ่ายรูป-ก็ยังดูสะอาดน่าใช้ดีอยู่นิ ราคาชิ้นละ 1 เหรียญ ไอ้แป้งโมเสคไฮไล้ท์นั่น เริ่ดมากๆ แต่ถ้าใช้แทนแป้งเลยจะวาวไปนิด ส่วนบลัช 3 สีนั่นก็เม็ดสีเด็ดขาดดี very pigmented มากๆ ขอบอก ไม่เคยมีบลัช NARS อันโด่งดัง แต่เค้ารีวิวกันว่าสู้น้องนางบ้าน “นาส์” ได้สบายๆ ที่ทาตา 4 สี นั่นก็ดีสีเข้มเหมือนเห็นในตลับ ทาเฉยๆ ก็งั้นๆ ทาทับ primer โอ มาย บุ๊ดด้า เลยค่ะ เนียน ติดแน่น สีชัด ตลอดวัน ลิพกลอส จริงๆ ไม่กล้าซื้อเพราะ มันเยิ้มแหวะๆ ก็เปิดดูว่าปลายพู่กันขนยังขาวสะอาดไม่มีใครบีบลองใช้ เป็นพู่กันด้วยเลยอยากลอง ลิพกลอสก็คือลิพกลอส ทาแล้วก็มันเยิ้มสวยดี สีชัดเช่นกัน เหมือนเพิ่งกินตูดไก่ตอนมาหมาดๆ ทาเดี่ยวๆ กินๆ พูดๆ ไม่นานก็หายไป ทาทับลิพสีก็ทำให้สดใสแวววาวงามแงะขึ้นเยอะเลยค่ะ สรุป ถูกใจค่ะ แถมราคาที่ได้มาก็สะใจด้วยค่ะ คุณลูกสาวอยากทาเล่น เอาเลยลูก แม่ไม่หวงเลยค่ะล๊อตนี้ เดี๋ยววันไหนว่างๆ จะไปลองขุดคุ้ยมาเพิ่มอีกซักหน่อย 55555

ThingPage-10

อันนี้เป็นกระเป๋าใส่แปรงแต่งหน้า ของ The Boby Shop ที่น้องกุ้ง (pongampy) ส่งมาให้ค่ะ มิตรภาพดีๆ บนเน็ทมีจริงๆ นะคะ ยังไงก็ขอบคุณน้องกุ้งคนงามน้ำใจงามมากๆ นะคะ คงกำลังเที่ยวเมืองไทยสนุกยกใหญ่ กลับมาแล้วอย่าลืมส่งข่าวนะคะ จบแค่นี้ก่อน แล้วเดี๋ยวนึกอะไรออกจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

BrushesPage-11

Have A Nice Day Everyone.!.!.

EcoEgoMama-01

Saturday, September 05, 2009

วิธีการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วแบบมืออาชีพ

 

แควนๆ ที่คิดถึงโปรดแซบ อิชั้นห่างหายไปจากบล็อกเสียนาน ยังไม่ตายนะคะ ยังดีอยู่ วุ่นวายไม่มากมายแต่มันร่ำไรเป็นปกติ เดี๋ยวจะมาบอกเล่าว่าทำไรบ้างถึงหายหัวไปเสียนาน วันนี้มาขอมักง่ายอีกที ทำงานที่ถนัด “ก๊อป+แปะ” อย่างชำนาญชาญเชี่ยวและหน้าไม่อายเช่นเคย อ่านแล้วขำๆ เลยต้องเอามาแบ่งกัน จริงๆ ขัดข้องใจมานานแล้ว กับรูปสาวน้อยสาวใหญ่สมัยนี้ที่ถ่ายรูปแล้วต้องทำปากจู๋ 5555  เอ้าขอบคุณต้นทางซะหน่อย …..

Thanks > >  http://atcloud.com/stories/48796

 

วิธีการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วแบบมืออาชีพ

ที่มาของการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊ว...
การ ถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วเป็นส่วนผสมของการถ่ายรูปบุคคล (หรือ Portrait) กับภาพ Close-up โดยไม่ทราบที่มาแน่ชัด แต่หลักการของการถ่ายรูป แอ๊บแบ๊วนั้น จัดได้ว่าถ่ายง่ายมาก แต่บางทีก็ติดที่ข้อจำกัดของตัวแบบเอง หรือขีดความสามารถทางด้านการสร้างสรรค์มุมกล้อง และมันสมองคนถ่าย

ซึ่งก็มีทฤษฎี หนึ่งที่เชื่อกันว่า ท่าทางแอ๊บแบ๊วนั้นมาจากพฤติกรรมของสัตว์โดยเฉพาะสัตว์น้ำครับ ซึ่งผมจะอธิบายไว้ในช่วงถัดไปว่ามันมีที่มายังไงอีกทีแล้วผลก็คือเมื่อนำมา รวม ๆ กันแล้วก็จะได้ท่าที่เรียกได้ว่า "แอ๊บแบ๊ว" ออกมากลายเป็นมุมกล้องที่ดูน่ารัก น่าหยิกที่สุด เท่าที่สมองมนุษยชาติ(บางคน)จะคิดได้
อุปกรณ์ก่อนแอ๊บแบ๊ว


กล้อง ถ่ายภาพ ซึ่งก็ควรจะเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ หรือกล้อง Compact เท่านั้นเพราะการใช้กล้องระดับ Digital SLR นั้น มีแต่จะก่อให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายรูปถ้ากล้องไม่ตกใส่กบาลจนหัวแตกเลือดซิบ แขนที่ถือกล้องอยู่ก็อาจมีกล้ามขึ้นได้ที่สำคัญไม่ได้ไปถ่ายภาพสารคดีหมี ควาย ไม่ต้องไปใช้กล้องเทพระดับพระเจ้าก็ได้

หมายเหตุ : กล้องเว็บแคมก็ได้น่อ

หลักการแห่งการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊ว

การถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นไม่ยาก แต่ถ่ายอย่างไรให้ดูน่าหยิกอันนี้สิที่ยากยิ่งกว่าเนื่องจากบางคนหน้าตาชวน ให้แสดงออกพฤติกรรมที่รุนแรงยิ่งกว่าหยิกหรือจับหลักการดังกล่าวจะช่วยให้ ท่านแอ๊บแบ๊วได้ง่ายดายแม้หน้าตาท่านจะ Abnormal โดยรูปแบบการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นมีหลักการง่าย ๆ (แต่สำคัญ)ในการถ่ายดังนี้

1.) มุมแอ๊บแบ๊ว
ซึ่งมุมกล้องแบบนี้เราเรียกว่าอีกอย่างว่ามุมกล้องแอ๊บแบ๊ว หรือ Abbeaw Shotคือ คนจะแอ๊บแบ๊วได้ต้องใช้มุมกล้องในพิกัดนี้เท่านั้น เนื่องจากผมยังไม่เคยเห็นคน แอ๊บแบ๊วคนไหนจะถ่ายแบบสะพานโค้ง หรือแบบลอดขาถ่าย เราจึงกะระยะได้เท่านี้ ที่สำคัญมุมกล้องนี้ถ่ายเองได้ เพราะสามารถใช้มือเดียวในการกดชัตเตอร์ได้สบาย ๆ โดยมุมที่นิยมมากที่สุดคือมุมสูง (ประมาณ 30o-50o) เพราะจะทำให้หน้าตาดูแบ๊วได้ใจ ที่มุมกล้องในระดับนี้ได้รับความนิยม คาดว่าน่าจะมาจากปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าโดดเด่นได้รูปเป็นที่สุด

มุมกล้องที่ถูกหลักมาตรฐานแอ๊บแบ๊วสากล

 

2.) การแต่งหน้าแอ๊บแบ๊ว
ถ้า ท่านรู้ตัวว่าหน้าตาท่านไม่ดี เหมือนผีตายทั้งกลมชุบแป้งทอด ก็ขอให้ท่านแต่งหน้าด้วยการแต่งหน้าแบบแอ๊บแบ๊วจะไม่ยากมาก ก็คือแต่งหน้าธรรมดา ๆ ไม่ต้องถึงขั้นลิเกนั่นแหละคือไม่ต้องรองพื้นมากเหมือนโรยปูนขาวในงานกีฬาสี เอาบาง ๆ ก็พอ ถ้าพ่อไม่ได้ทำแป้งขาย ที่ต้องขับเน้นก็คือรอบดวงตา เพราะจะต้องทำตาโต เหมือนกับที่บ้านถูกหวยแจ๊กพ็อต 38 ล้าน แก้ม...อันนี้สำคัญ ทางที่ดีแก้มควรจะมีสีแดงระเรื่อ เป็นแก้มก้นโดนเตะด้วยรองเท้า Combat ริมฝีปาก อันนี้ก็ใช่ ให้ทาลิปมันไว้ด้วย อย่าให้คล้ำซีด ถ้าไม่มีลิปให้ต่อยปากเอาู รับรองแดงได้ใจ

3.) การทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
สำหรับการทำหน้าให้ถูกสนธิสัญญาแอ๊บแบ๊วสากลนั้น หลักใหญ่ใจความไม่ยากมากนักหรอก
คือการทำหน้ามันไม่ยากนะครับ มันก็จะประมาณเอาสัตว์น้ำหลาย ๆ ชนิดมาผสมข้ามพันธุ์กันดังนี้

  • ดวงตา : จะคล้าย ๆ ปลาตีน ใครเคยเห็นปลาตีนคงรู้ดี เพราะตามันโตใสแบ๊วมาแต่ไกลเลย
  • แก้ม : เหมือนปลาทอง แต่เป็นปลาทองตะกระที่อมซากุระไว้ในกระพุ้งแก้มแบบเต็มความจุนะ
  • ปาก : ปลาซัคเกอร์ (ปลาเทศบาล) คือทำปากให้ประมาณว่าจะเล็มตะไคร่ที่หน้าดินใต้น้ำได้สบาย ๆ
  • รวม ๆ แล้ว = จาจาบิงส์ จาก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace...

4.) การจัดท่าทาง
บาง คนการแสดงออกทางสีหน้ายังไม่แบ๊วพอ จึงต้องใช้ท่าทางเข้าช่วยเพื่อเสริมพลังแอ๊บแบ๊วโดยการออกไม้ออกมือจะช่วย ท่านได้ การเอานิ้วจิ้มแก้ม หรือทำตัววี (Victory) เป็นท่าสิ้นคิด ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่หนีกันไปไหน ท่าก็จะสิ้นคิดคล้าย ๆ กัน บ่งบอกถึงระดับสติปัญญาคนทำท่าว่าลอก ๆ ตามกันมา จนกลายเป็นรูปแบบพื้นฐาน ใครคิดท่าอื่นจะผิดผี หาใช่วิถีแห่งแอ๊บแบ๊วไม่

5.) การตกแต่งภาพ
จาก ผลสำรวจบอกว่าร้อยละ 35% ขึ้นไปของผู้แอ๊บแบ๊ว จะต้องเอาภาพผ่านโปรแกรมตัดต่อรูปเนื่องจากการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วส่วนใหญ่นั้น จะเป็นการถ่ายแบบ Close Up คือถ่ายระยะประชิดดังนั้นสิวเสิว ตีนกงตีนกา ขอบตาคล้ำมันจะออกมาหมด แถมบางทีจะชัดยิ่งขึ้นด้วยแสง Flash จึงต้องนำเข้าสู่ Photoshop ในกระบวนการที่เรียกว่าลวงโลก...เอ้ย...การปรับลดจุดบกพร่อง...

 


คนที่ตัดต่อแต่งเติมได้ขนาดนี้ ไปเปิดคอร์สสอน Photoshop หาตังค์เลยดีกว่า...

ข้อเสียคือ...ใครเข้าสู่วิธีการนี้แล้ว "มักหยุดไม่ได้" เพราะ มันส์มือมาก แต่งภาพกันสนุกสนานมีสิวลบสิว มีตีนกาก็ทำหน้าเด้ง อ้วนไปก็บีบภาพซะ หน้าดำไปก็ทำให้สว่าง ซึ่งพอทำไปทำมาแล้ว บางทีออกมาแล้วไม่ใช่คนเดิม หรืออาจถึงขั้น "ไม่ใช่คน" คือใสมาก เหมือนตุ๊กตา ใสจนควายดูก็รู้ว่าแต่งภาพ

ดังนั้นเมื่อท่านเข้าสู่กระบวนการนี้แล้ว จึงควรกระทำอย่างมีจรรยาบรรณ พอเพียง และจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมด้วยครับ

ติดตามเพิ่มเติมที่เว็บเจ้าของข้อมูล โปรดคลิ๊ก  http://phuphu.exteen.com/20080331/entry