Thursday, March 17, 2011

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด!?!? ฟุกุชิมาจะเป็น Chernobyl รอบสองหรือไม่?

คัดลอกมาค่ะ เพราะอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย เลยอยากเอามาแบ่งกันอ่าน ต้องขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ที่มา > > http://jusci.net/node/1645

 

หลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวขนาด 8.9-9.0 ตามมาตราริกเตอร์ (Sendai Earthquake) ตามด้วยคลื่นสึนามิซัดเข้าชายฝั่งประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคม 2011 หลายฝ่ายต่างพุ่งความตระหนกไปที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายโรงที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

จนเมื่อเวลาประมาณ 15:36 น. ของวันที่ 12 มีนาคม 2011 ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น มีรายงานว่าเกิดเสียงระเบิดที่บริเวณเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมาโรงที่ 1 (Fukushima Daiichi Plant) ตามมาด้วยภาพฝุ่นควันพวยพุ่งและกำแพงที่ถล่มลงมาทั้งด้าน ประกอบกับข่าวรายงานการตรวจพบกัมมันตรังสีและสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลทำให้ทั่วโลกวิตกกังวลว่าฟุกุชิมาจะเป็น Chernobyl รอบสองหรือไม่

เรื่องนี้มีหลายประเด็นที่ต้องพูดกัน

อย่างแรก คือ เรื่องการระเบิดที่เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม

แทบจะในทันทีที่เกิดแผ่นดินไหว Tokyo Electric Power Company (TEPCO) ได้สั่งหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ของทั้งสองโรงไฟฟ้าในฟุกุชิมาทุกเตา ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เนื่องจากเป็นจุดที่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากเกินกว่าจะเสี่ยงเดินเครื่องต่อไปได้ (เรื่องการสั่งหยุดเครื่องอย่างไรนี่ ผมยังไม่แน่ใจนัก อาจจะเป็นมนุษย์ควบคุมหรือเป็นระบบอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติภัยก็ได้)

การหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ที่เป็นแบบ boiling water reactor (BWR) นั้นทำได้โดยการจุ่มแท่งควบคุม (control rod) ลงไปในเตาปฏิกรณ์ แท่งควบคุมนี้จะทำหน้าที่กันไม่ให้นิวตรอนจากแท่งเชื้อเพลิงแท่งหนึ่งวิ่งไปชนแท่งเชื้อเพลิงอีกแท่ง เป็นการลดอัตราการเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อดันแท่งควบคุมลงไปเต็มที่ นิวตรอนที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างแท่งเชื้อเพลิงก็จะถูกดูดซับไว้แทบทั้งหมด

ปัญหาที่ตามมาจากการหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ คือ ความร้อนที่สะสมในเตาปฏิกรณ์ เนื่องจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ในแท่งเชื้อเพลิงยังไม่หยุดสนิทเสียทีเดียว เพราะในแต่ละแท่งยังมีนิวตรอนพอที่จะทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมหรือธาตุเชื้อเพลิงอื่นๆ สลายตัวไปได้อีกระยะ (เมื่อสับสวิตช์หยุดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ แท่งเชื้อเพลิงจะยังผลิตความร้อนออกมาประมาณ 6% ของความร้อนที่ผลิตได้ขณะเดินเครื่องเต็มที่) ในขณะทำงาน เตาปฏิกรณ์ระบบ BWR จะมีปั๊มน้ำดึงน้ำเย็นเข้ามาหล่อเลี้ยงแท่งเชื้อเพลิงตลอดเวลา (ไอน้ำที่เกิดจากการระเหยของน้ำหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ก็จะถูกส่งผ่านท่อมาใช้ปั่นกังหันเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้านั้นเอง -- ดูภาพประกอบได้จาก Infographic ของ Live Science ท้ายข่าว) ดังนั้นเมื่อสั่งเครื่องหยุดทำงานในสถานการณ์ธรรมดา เครื่องปั๊มน้ำก็จะยังต้องปั๊มน้ำเย็นเข้ามาระบายความร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันจะหยุดและแกนแท่งเชื้อเพลิงจะเย็นลง

แต่ในกรณีที่ฟุกุชิมานั้น มันคือสิ่งที่เรียกว่า "Station Blackout" จัดเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พอเครื่องปั่นไฟฟ้าหลักของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หยุดทำงาน แทนที่ระบบปั๊มน้ำพลังงานสำรองจะใช้งานได้ตามปกติ Aftershocks จากแผ่นดินไหวและสึนามิดันไปสร้างความเสียหายแก่ระบบไฟฟ้าสำรองและระบบควบคุมปั๊มน้ำ เตาปฏิกรณ์จึงขาดน้ำเย็นเข้าไปหล่อเลี้ยง ทำให้เกิดความร้อนสะสมเกินระดับที่กำหนด ความร้อนสะสมนี้ทำให้น้ำที่อยู่ในเตาปฏิกรณ์ระเหยเป็นไอ ซึ่งถ้าหากปล่อยไปเรื่อยๆ ไอน้ำกับความร้อนจะทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย หรือไม่ก็อีกกรณี ความดันภายในจะพุ่งสูงจนอัดให้เตาปฏิกรณ์ระเบิด "ตู้มมมมมมม!" (ความเป็นไปได้ในกรณีหลังน้อยกว่ากรณีแรกมาก เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นมีเกณฑ์อยู่ในระดับชั้นนำของโลก ประกอบกับการออกแบบโครงสร้างซึ่งใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมาแล้วตั้งแต่ต้น แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายท่านจะเคยคัดค้านการออกแบบของเตาปฏิกรณ์ Mark 1 ก็ตาม)

TEPCO แก้ปัญหานี้โดยเอาเครื่องปั๊มดีเซลมาปั๊มน้ำเข้าไปแทนชั่วคราวจนกว่าปฏิกิริยาทั้งหมดจะดับลง แต่ด้วยไม่รู้สาเหตุอะไร เครื่องปั๊มดีเซลทำงานได้เพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เลยต้องพึ่งพลังงานสำรองจากแบตเตอรี่ซึ่งก็ซื้อเวลาได้อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง

แต่ว่าเครื่องปั๊มน้ำไม่สามารถแก้ปัญหาความดันที่เกิดจากไอน้ำในเตาปฏิกรณ์ได้ เมื่อหมดปัญญากับการพึ่งเครื่องปั๊มน้ำอย่างเดียวแล้ว TEPCO จึงดึงแผนสำรองที่สองออกมาใช้ นั่นคือการเปิดวาล์วปล่อยไอน้ำบางส่วนออกมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อลดความดันในเตา ไอน้ำเหล่านี้มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีอยู่เล็กน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากไอโซโทปของไนโตรเจน-16 ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุว่าทำไมเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ก่อนการระเบิด จึงมีรายงานข่าวว่าพบปริมาณกัมมันตรังสีรอบๆ เตาปฏิกรณ์สูงกว่าระดับปกติถึง 1,000 เท่า นักวิทยาศาสตร์และทาง TEPCO ยืนยันว่าไอโซโทปเหล่านี้มีอายุสั้น ดังนั้นมันจะไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

  • Update 14-03-2011 15:53
    ที่ต้องใช้เครื่องปั๊มน้ำกันยุ่งยากขนาดนี้ เพราะห้องควบคุมสวิตช์ปั๊มน้ำของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาอยู่ชั้นใต้ดิน พอสึนามิซัดเข้ามา ห้องควบคุมสวิตช์เลยโดนน้ำท่วมใช้การไม่ได้ แถมยังหน้าปัดวัดระดับน้ำในเตาปฏิกรณ์ยังดูเหมือนจะรายงานค่าระดับน้ำผิดพลาดด้วย (สาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน) ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องค่อยๆ เปิดวาล์วระบายความดันพร้อมกับปั๊มน้ำเย็นเข้าไปเพิ่มเป็นระยะๆ - ที่มา
    New York Times

ทุกอย่างดูดี แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะสิ่งที่ออกมาพร้อมๆ กับไอน้ำ คือ ตัวการของการระเบิดที่เป่าหลังคาอาคารเตาปฏิกรณ์ซะจนกระจุย

ไฮโดรเจน นั่นเอง

ไฮโดรเจนมาจากไหน? และเกี่ยวอะไรด้วย?

โดยคร่าวๆ แท่งเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูแบบ BWR คือ ยูเรเนียมหุ้มด้วยโลหะ zirconium หลอมเป็นแท่งทรงกระบอก ซึ่งถ้าจุ่มอยู่ในน้ำเหลวๆ ตามปกติอย่างที่มันควรเป็นก็จะไม่มีปัญหาอย่างใด แต่ในกรณีของเมื่อวานนั้น คาดการณ์กันว่าน้ำในเตาปฏิกรณ์คงระเหยไปเป็นไอมากจนทำให้แท่งเชื้อเพลิงบางส่วนโผล่ขึ้นพ้นระดับน้ำ ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงมากเกิน 1,500 องศาเซลเซียส ทำให้ zirconium ที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงทำปฏิกิริยากับไอน้ำอย่างรวดเร็ว เกิดเป็น zirconium oxide (จะเรียกว่าเป็นสนิมของ zirconium ก็ได้) และไฮโดรเจน

ไฮโดรเจนเป็นก๊าซที่ติดไฟในอากาศที่มีออกซิเจนได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ตอนที่มันยังอยู่ในเตาปฏิกรณ์ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก เพราะในเตาปฏิกรณ์ไม่มีออกซิเจนมากพอจะทำให้เกิดการติดไฟได้ แต่เมื่อ TEPCO เปิดวาล์วปล่อยไอน้ำออกมาเท่านั้นแหละ ไฮโดรเจนซึ่งเป็นก๊าซที่เบากว่าไอน้ำก็ออกมาด้วย (จริงๆ ต้องพูดว่ามันวิ่งนำหน้าออกมาด้วยซ้ำ)

พนักงานในโรงไฟฟ้าก็คงคาดไม่ถึงด้วยว่าจะมีไฮโดรเจนออกมามากขนาดจนจุดระเบิดได้ จึงไม่ได้เตรียมการป้องกัน เมื่อไฮโดรเจนที่สะสมจนพอเหมาะเจอกับออกซิเจนในอากาศและประกายไฟอีกเล็กน้อย เราก็ได้ภาพอย่างที่เห็นกัน "ระเบิดขนาดย่อมๆ" นั่นเอง

From BBC News

จากการรายงานของ TEPCO และทางการญี่ปุ่น การระเบิดที่เกิดจากก๊าซไฮโดรเจนกระทบเพียงโครงสร้างอาคารและกำแพงที่เป็นปูนซีเมนต์เท่านั้น ส่วนโลหะที่ครอบเตาปฏิกรณ์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แม้ภาพที่ออกมาจะดูรุนแรงไปสักหน่อยก็ตาม (แค่กำแพงหายไปหนึ่งแถบเอง) แท่งเชื้อเพลิงยังคงสบายดีอยู่ในเตาปฏิกรณ์ ไม่มีหลุดออกมาวิ่งเล่นข้างนอก

  • UPDATE 16-03-2011 12.:50
    การเกิดเพลิงไหม้ที่เตาปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 ในวันที่ 15 มีนาคม 2011 แตกต่างจากการระเบิดที่เตาที่ 1, 2 และ 3 เพราะอุบัติเหตุของทั้งสามเตาที่ผ่านมาเกิดจากไฮโดรเจน แต่อันที่เกิดกับเตาที่ 4 นั้นเกิดจาก
    ปัญหาระดับน้ำหล่อเย็นในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว
อย่างที่สอง คือ ความกังวลเกี่ยวกับเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ยังร้อนจัดอยู่ในเตาปฏิกรณ์

นอกจากในช่วงเวลาก่อนและหลังระเบิดจะมีการตรวจพบกัมมันตรังสีรั่วออกมาแล้ว ยังมีของแถมอีกอย่าง นั่นคือ ไอโซโทปกัมมันตรังสีของ cesium ซึ่งตัวนี้แหละที่สร้างความตระหนกตกใจให้กับนักวิทยาศาสตร์พอสมควร

กรณีของ cesium นี้มีนัยยะอันตรายกว่าการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนด้วยซ้ำ เนื่องจากมันเป็นสัญญาณว่ามีอะไรผิดปกติกับแท่งเชื้อเพลิงแล้ว cesium และไอโซโทปธาตุกัมมันตรังสีอื่นๆ เช่น ไอโอดีน คือสิ่งที่เรียกว่า fission fragment ซึ่งได้จากการสลายตัวของปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ตามปกติมันควรจะถูกกักอยู่ในแท่งเชื้อเพลิง การที่พบ cesium หลุดออกมาอยู่ข้างนอกเตาปฏิกรณ์จึงสามารถแปลผลได้ว่าครอบแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์เกิดการรั่วแล้ว นักวิทยาศาสตร์คาดกันว่าน่าจะเป็นเพราะแท่งเชื้อเพลิงโผล่พ้นน้ำนานเกินไป จนทำให้ zirconium ที่หุ้มแท่งอยู่ทำปฏิกิริยากับไอน้ำแล้วหลุดลอกออกไปบางส่วน ตอนนี้ทาง TEPCO ยังไม่เผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้ TEPCO จะไม่บอกอะไรมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็คาดกันว่าแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ที่ 1 และ 3 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 หลอมละลายไปแล้วบางส่วนเป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบเครื่องปั๊มน้ำใช้การไม่ได้ไปพักใหญ่ๆ เป็นไปได้ว่าส่วนบนของแท่งเชื้อเพลิงอาจจะพ้นน้ำนานเป็นเวลาระดับชั่วโมงๆ

แม้ว่า "การหลอมละลายบางส่วน" (partial melting) จะเป็นเหตุการณ์ที่มีระดับความรุนแรงต่ำกว่าการที่แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายเต็มที่ (full meltdown) แบบเทียบกันแทบไม่ได้ก็ตาม แต่มันก็ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในระดับที่ตรวจจับได้ ซึ่งสร้างความตระหนกให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ปรากฏในวันต่อมาก็มีรายงานการตรวจพบสารกัมมันตรังสีในจุดที่ห่างจากโรงไฟฟ้าถึงกว่า 60 ไมล์ สารกัมมันตรังสีที่ตรวจเจอน่าจะเป็น cesium-137, iodine-121 และไอโซโทปอื่นๆ ที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันซึ่งน่าจะหลุดออกมาพร้อมกับการปล่อยไอน้ำเพื่อลดความดันในเตาปฏิกรณ์

แผนรับมือขั้นสุดท้ายที่ TEPCO กำลังงัดออกมาใช้ คือ การปั๊มน้ำทะเลผสม boric acid เข้าไปให้ท่วมภายในเตาปฏิกรณ์ที่ 1 ตามทฤษฎีแล้ว boron ใน boric acid จะเข้าไปจับนิวตรอนเพื่อหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ของนิวเคลียร์ฟิชชันในแท่งเชื้อเพลิง น้ำทะเลจะเข้าไปทำให้แกนแท่งเย็นลงและกัดกร่อนจนแท่งเชื้อเพลิงใช้งานไม่ได้อีกต่อไป พูดกันง่ายๆ คือ ปิดกิจการเตาที่ 1 ถาวรไปเลย

  • Update 14-03-2011 15:53
    ตอนนี้ TEPCO กำลังปั๊มน้ำทะเลเข้าเตาปฏิกรณ์ที่ 1 และ 3 ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 แล้ว (มี
    การระเบิดที่เตาที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ หนึ่งวันหลังจากการะเบิดที่เตาที่ 1) ยังไม่มีใครทราบได้ว่าปฏิบัติการจะกินเวลานานเท่าไร และจะมีสารกัมมันตรังสีรั่วออกมามากเท่าไร (ทางเลือกนี้ถือว่าเป็น ทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะมีความเสี่ยงที่จะพลาดทำสารกัมมันตรังสีรั่วไหลเข้าสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าทางอื่นๆ) - ที่มาNew York Times

เป็นไปได้ว่า TEPCO อาจจะตัดสินใจปิดเตาปฏิกรณ์อันอื่นในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาโรงที่ 1 ทิ้งไปพร้อมกันทั้งโรงด้วย เนื่องจากโรงไฟฟ้านี้ก็เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1971 และก็ใกล้จะเข้าสู่วาระเกษียณเต็มทีอยู่แล้ว

อย่างที่สาม คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมามีโอกาสดำเนินรอยตามรุ่นพี่อย่างที่ Chernobyl และ Three Mile Island หรือไม่

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าความกังวลที่ฟุกุชิมาตอนนี้ในแบบที่เลวร้ายสุดๆ (Worst case scenario) คือ "การหลอมละลาย" (Meltdown) ของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นภาวะที่แตกต่างจากสาเหตุการระเบิดที่ Chernobyl ปี 1986 (อันนั้นเกิดจากความดันไอน้ำสะสมจนแท่งกราไฟต์ในเตาปฏิกรณ์ระเบิด ส่งธาตุกัมมันตรังสีข้างในพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโดยรอบมากมาย -- ซึ่งฟุกุชิมาไม่ได้ใช้แท่งกราไฟต์แบบที่ว่า) และโรงไฟฟ้าฟุกุชิมาก็ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงกว่าที่ Chernobyl อยู่มากโข

การหลอมละลาย (Meltdown) ของแท่งเชื้อเพลิงเกิดจากการที่แท่งเชื้อเพลิงมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัด โลหะที่ครอบแท่งเชื้อเพลิงอยู่จะระเบิดแตกออกไป สารกัมมันตรังสีที่เป็น fission fragments ทั้งหลายก็จะหลุดลอยออกสู่อากาศ ส่วนเชื้อเพลิงข้างในจะค่อยๆ หลอมเหลวและไหลหลุดออกมาจากแท่ง เชื้อเพลิงหลอมเหลวพวกนี้บางส่วนจะติดไฟ บางส่วนจะไหลลงก้นถังเตาปฎิกรณ์และหลอมจนตัวถังทะลุ และถ้าเชื้อเพลิงเหล่านี้ยังไม่หมดความบ้าพลังซึ่งอาจจะร้อนได้ถึงหลักพันองศาเซลเซียส มันก็จะหลอมโลหะที่ครอบเตาด้วย ทำให้เกิดการรั่วไหลของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ไปสู่สิ่งแวดล้อม คล้ายๆ กับที่เกิดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ Three Mile Island ปี 1979

ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นจัดให้เหตุการณ์ในฟุกุชิมาอยู่ในระดับ 4 หรือระดับ "อุบัติเหตุที่กระทบพื้นที่ระดับท้องถิ่น" ตามเกณฑ์ระดับอุบัติเหตุนิวเคลียร์ของ International Nuclear and Radiological Event Scale ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-7 นับจากต่ำสุดไปสูงสุด เหตุการณ์ที่ Three Mile Island อยู่ในระดับ 5 ส่วน Chernobyl ครองแชมป์หายนะตลอดกาลด้วยระดับสูงสุด 7

หลังจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการอพยพผู้คนรอบรัศมี 20 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งไปแล้วประมาณ 200,000 คน บางส่วนในนี้มีความเสี่ยงที่จะได้รับกัมมันตรังสีด้วย ซึ่งทางศูนย์อพยพก็ได้มีการสแกนตรวจสอบและแจกจ่าย จักษุธาตุ เอ๊ย ไอโอดีนให้กับประชาชนที่มีความเสี่ยงทุกคน เพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซับสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ระบบอวัยวะภายใน (อ่านความเห็นจากคุณ pawinpawin และ kittipat ได้จากความเห็นด้านล่าง)

ตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในสภาวะที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด แม้ว่าอุบัติเหตุในระดับ Chernobyl นั้นจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ (ความเป็นไปได้ที่มากกว่าคือเหตุการณ์อย่าง Three Mile Island ซึ่งก็ยังมีโอกาสน้อยอยู่ดี เพราะแผนการรับมือของ TEPCO เรียกได้ว่า "อยู่ในขั้นที่ดีมากๆ") อย่าลืมว่าตอนนี้ TEPCO และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเตาปฏิกรณ์ให้จัดการพร้อมกันถึง 6 เตา ความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวอาจนำไปสู่หายนะได้ทุกวินาที

ที่มา - New Scientist, BBC News, Live Science, Scientific American, New York Times, The Register

ขอปิดด้วย infographic สวยๆ จาก Live Science อีกครั้ง

 infographic of nuclear power plantSource:LiveScience

ป.ล. ข่าวนี้ยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการเพิ่มเติมรายละเอียดได้ทุกเมื่อหากมีข้อมูลเปิดเผยออกมามากขึ้น จุดที่น่าสงสัยบางอย่างอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ หรือปีๆ ในการหาคำอธิบาย

 

Submitted by mementototem on Sun, 13/03/2011 - 18:31.

นอกจาก Chernobyl ขอ Three Mile Island ด้วยก็ดีครับ อีกอย่างคือ ไอโอดีนจะกำจัด หรือช่วยบรรเทาพิษจากกัมมันตภาพรังสีได้เหรอครับ? ดูมันง่ายแบบไม่น่าเชื่อเลยแฮะ

 

Submitted by terminus on Sun, 13/03/2011 - 19:19.

ผมคิดว่าเค้าแจกไอโอดีน เพื่อกันไม่ให้ต่อม thyroid ดูดซึมไอโซโทปของไอโอดีนที่มีกันมันตภาพรังสีเข้าไปครับ เพราะถ้าไม่กันไว้ก่อน thyroid จะเก็บไอโอดีนกัมมันตรังสีไว้ ซึ่งน่าจะส่งผลเสียหนักและรักษายากสุด

http://hps.org/publicinformation/ate/faqs/ki.html

รู้สึกเหมือนมันจะช่วยแค่ป้องกันได้ในกรณีที่เป็นไอโอดีนกัมมันตรังสีเท่านั้น ส่วนตัวอื่นๆ ไม่เกี่ยว

 

Submitted by pawinpawin on Sun, 13/03/2011 - 19:19.

Iodine หรือ Potassium Iodide ที่แจกจะไปจับตัวในต่อมไธรอยด์ ป้องกันไม่ให้ต่อมไธรอยด์ทำการจับ Iodine ที่เป็นกัมมันตรังสีครับ เหมือนไปนั่งจองที่ไม่ให้พวก Iodine รังสีมีที่นั่งน่ะแหละ

แต่ก็เป็นเฉพาะต่อมไธรอยด์ และเฉพาะกับ Iodine ไม่ป้องกันที่อื่นของร่างกาย และไม่ป้องกันสารรังสีอื่นที่ออกมาด้วยอย่าง Cs

 

Submitted by pawinpawin on Sun, 13/03/2011 - 19:22.

อีกนิด ส่วนมากถ้าจะเป็นมะเร็งไธรอยด์จริง ก็มักเป็นชนิด Papillary ที่ไม่ได้รุนแรงมากเท่าไหร่ครับ (Survival Rate ใน Early Disease ใกล้เคียงกับคนปกติมาก หรือง่ายๆ คือตายจากมะเร็งอันนี้น้อยมาก) ส่วนมากมาด้วยก้อนที่คอ และทำการผ่าตัดออกได้ครับ

 

Submitted by kittipat on Sun, 13/03/2011 - 19:28.

ที่อ่านมาคือสารกรรมภาพรังสีที่จะมีออกมาคือไอโอดีนนี่แหละครับ แต่เป็นไอโซโทปกัมภาพรังสี การกินไอโอดีนธรรมดาไว้ล่วงหน้าจะป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซับไอโอดีนเข้าไปเพิ่ม ทำให้ไม่ตกค้างในร่างกายครับ ส่วนรังสีที่โดนทางผิวหนังนี่กันไม่ได้ครับ แต่ถ้าโดนไม่นานและความเข้มข้นไม่ถึง ก็ไม่อันตรายมากครับ

Friday, March 11, 2011

Warrior & Worrier

 

Warrior คือ ลูกชาย… ไอ้ก๊อตตี้ของแม่ ส่วน Worrier คือ อิชั้นเองค่ะ เพราะ worry วอรี๊…..วอรี่ โน่นนี่ตลอดเวลา จริงๆ แล้ววันนี้มีข่าวดีมาแชร์นะคะ แต่ข่าวดีก็ออกผลพวงให้อิชั้นต้องวอรี๊…วอรี่นิดนึงค่ะ (ไม่มาก ค่ะ ไม่มาก) คือ ไอ้ตี้ของแม่จะไปโรงเรียนแล้วค่ะ กระโดดข้ามขั้นไปเข้าเรียนชั้น Kindergarten ในเดือนสิงหาที่จะถึงนี้แน่นอนค่ะ Yee….Ha!!!! เพราะหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นได้มีประกาศของ Unified School District ว่า เด็กหญิงและเด็กชายที่จะอายุครบ 5 ขวบภายในวันที่ 31 December 2011 นี้ ให้ไปรายงานตัวเข้าเรียนชั้นอนุบาล ในโรงเรียนที่บ้านตัวเองอยู่ในเขตนั้นๆ ค่ะ ดีใจ ดีใจ ดีใจมากกกกก….. ดีใจเอ๊ย ดีใจจัง เพราะอินโฟเก่า เค้าบอกว่า (ไม่รู้ไอ้บ้าไหนบอกต่อๆ กันมานิ) ปีการศึกษาใหม่ที่จะถึงนี้ เค้าจะตัดโควต้าเด็กที่มีสิทธิ์เข้าเรียนอนุบาล (Kindergarten) ต้องอายุครบ 5 ขวบภายในเดือนสิงหาคม ไอ้ตี้ของอิชั้นก็จะหลุดกระเด็นไปเริ่มเป็นเด็กอนุบาลปีการศึกษาหน้าโน้นนนน… เพราะไอ้วันปิยะของแม่จะอายุครบ 5 ครบก็วันที่ 23 ตุลาโน่น แก่ไปอีกปี แขวนต่องแต่งอยู่บ้านกับแม่ไปอีกปี

page-632

คือครอบครัวเรามีปัญหาการเงินติดต่อกันมาหลายปี หลายๆ คนที่ไม่ได้ติดตามอ่านก็คงไม่ทราบว่า เราเสียบ้านไปกับ foreclosure ทำให้ต้องทำ bankruptcy เช่าบ้านเค้าอยู่ 2 ปีแล้ว หนูดีต้องระเห็ดออกมาจากโรงเรียนแคธอลิค ฯลฯ เราพยายาม very hard to dig ourselves out from this hole ด้วยการ ลด ละ เลิก ตัดค่าใช้ทุกอย่างที่ตัดได้ แต่ก็เหมือนมีปัญหาที่อยู่เหนือการควบคุมก็เกิดขึ้นมาให้แก้ไขอยู่ไม่ได้หยุด เราอยู่แบบ “ทรงๆ” มา 2 ปีแล้ว ทั้งหมดคือปัญหาทางด้านการเงินของครอบครัว แต่โดยรวมแล้วเราก็มีความสุขดีค่ะ เพราะเราอยู่กันพร้อมหน้า 4 คน พ่อ แม่ ลูก เราบอกรักกันตลอด ครอบครัวเรา “เน้น” เรื่อง การแสดงความรู้สึกที่มีต่อกัน (affection) แม่-ลูกชื่นชมและภูมิใจที่พ่อทำงานหนัก เพื่อให้ทุกคน มีบ้าน (เช่า) อยู่ กินอิ่ม นอนหลับ หาความบันเทิงใส่ตัวและหัวใจตามอัถตภาพ ที่เล่ามาเสียยืดยาว จริงๆ ที่อยากจะบอกก็คือ พอการเงินตึงๆ เราก็เลยไม่สามารถส่งให้ลูกชายไปเรียน preschool ได้ (รู้สึกผิด ทั้งพ่อและแม่เลยค่ะ) เหมือนเที่เราได้เคยส่งรอมมี่ไปเรียนพรี-สคูลตอนประมาณ 4 ขวบ สมัยโน้น ค่าเรียนพรีสคูลของรอมมี่วันละ 27 เหรียญ แต่ตอนนี้ โรงเรียนเดียวกัน ค่าเล่าเรียนของพรีสคูลประมาณวันละ 40 เหรียญ ถือว่าแพงมากสำหรับครอบครัวเราในตอนนี้ค่ะ

page-633

ตอนที่รู้ว่าไอ้ตี้คงได้เข้าเรียนชั้น K ก็ปีการศึกษา 2012 โน่น พ่อแม่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สงสารลูกที่ไม่มี quality of life แบบวัยเรียนก่อนอนุบาล ก็พากันไล่ล่าหาโรงเรียนพรี-สคูลราคาย่อมเยาให้ลูก โรงเรียนฟรี..เราก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะพ่อบ้านทำมาหากินมีรายได้สูงไปนิดนึง โรงเรียนไหนที่พอรับได้ ราคาพอทน ไอ้ตี้ของแม่ก็ติด waiting list แบบ..ลืม..ไปเลยค่ะ โทรติดตามทวงถามก็ไม่เห็นว่าจะถึงคิวลูกของอิชั้นซักที โทรถามบ่อยๆ ก็ดูเหมือนเค้าจะชังหนังหน้าซะแล้ว พยายามจะไม่ถอดใจ เมื่อไม่กี่อาทิตย์มานี้ได้รู้มาว่าที่ City Collage มีบริการ Child Development Center ราคาเพียง 8 เหรียญ ต่อครึ่งวัน (ประมาณ 3.5 ชั่วโมง) มีรอบเช้าและรอบบ่ายค่ะ (ขึ้นอยู่กับว่า..รอบไหนมีที่ว่าง) กำลังติดต่อสอบถามอยู่ว่าต้องเป็นนักศึกษาที่นั่นหรือปล่าว..จึงจะใช้บริการได้ ถึงแม้จะต้องขับรถไปรับ-ส่งลูกไกลหน่อยก็ยินดี (ประมาณ 12 ไมล์ ไป-กลับวันละ 2 รอบ ก็เอาการอยู่นะคะ) ขอแค่ให้เค้ารับลูกเราเข้าไปเรียนก็พอ (Although the gas price is getting sore…..$4.00 per gallon…huh?!?!…..) ขณะที่เรากำลังดำเนินการเรื่องนี้แบบช้าๆ ไม่เร่งรีบอะไร เพราะเข้าใจว่า ไอ้ตี้ต้องใช้บริการนี้ไปร่วมๆ ปี เราก็ได้ข่าวดีที่เล่าไปข้างต้น (ไอ้ตี้จะได้ไปโรงเรียนแล้ว เย้ๆๆๆๆ ดีใจอีกที 5555) เรื่องที่ซิตี้คอลเลจก็หยุดลงชั่วขณะ พอรู้ข่าวอิชั้นก็ตูดแป้นไปที่โรงเรียนเลยค่ะ ไปรับแพ๊คเกจเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน จะได้เตรียมตัวให้พร้อมในวันรับสมัคร (21-31 March 2011)

พอได้รับเอกสารมา ก็อ่านๆๆๆๆ ก๊อปปี้เอกสารที่ต้องการ โทรนัดหมอและหมอฟัน เพื่อพาลูกไปตรวจสุขภาพทั่วไปและสุขภาพฟัน คนที่มีรายได้น้อย ก็ไม่ต้อง เขียนแบบฟอร์มขอทำ waiver ได้อีก (แม่ม….อะไรๆ ก็ฟรีไปหมดแล้ว ยังจะมีเว๊บโว่ง- เวฟเว่อร์อีก เบื่อไอ้พวกนี้จัง สันหลังยาวแล้วมีรัฐดูแล บุญจริงๆ) พรุ่งนี้เช้าก็ต้องพาไอ้ตี้ไปทำสะอาดฟันอยู่แล้ว แต่หมอฟันดันไม่อยู่ พรุ่งนี้ไปก็ได้แค่ทำสะอาดตามกำหนดกับ dental hygienist แต่ต้องทำนัดเพื่อ visit หมอฟันอาทิตย์หน้าอีก ซึ่งก็ต้องเสียตังค์อี๊กกก… เฮ้อออ…. เพราะต้องเอาฟันไปให้เค้าดู แล้วก็เอาฟอร์มที่ได้รับมาไปให้หมอกรอก-เซ็นต์ให้เรียบร้อย ส่วนตรวจสุขภาพก็นัดอาทิตย์หน้าเหมือนกัน นอกนั้นก็มีรายการฉีควัคซีนให้ครบ พร้อมกับทำ TB Test ด้วย

page-630

อิชั้นก็รีบพาลูกแจ้นไปที่ Health Department เลยค่ะ เพราะฟรี 5555 แล้วก็มั่นใจว่าเค้ามีวัคซีนครบแน่นอน พาไปคลีนิคทีไร วันซีนนั้นมี ตัวนี้ขาด ต้องมีการไปรอบ 2 รอบ 3 แต่ละ visit ที่ไปก็ต้องจ่ายตังค์นะคะ ถึงไปแล้วไม่ได้ฉีดซักเข็มก็ต้องเสียตังค์ค่าบริการ หมอ ฯลฯ แถมนั่งรอเป็นนานสองนานให้มีโมโหอีก ที่ Health Department ก็รอนานเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับรอรากเลือด 5555 ของฟรี อยากได้ก็ต้องทนค่ะ

เมื่อวานที่พาลูกๆ ไปฉีควัคซีน ไปถึงตอนบ่ายสามครึ่ง เค้าเริ่มให้บริการตั้งแต่ 4-6 โมงเย็นค่ะ (เค้าให้บริการฟรีเฉพาะวันพุธ แบ่งเป็น 2 รอบค่ะ รอบเช้า 8-10 โมง รอบบ่าย 4-6 โมง) พอไปถึงได้รับบัตรคิวลำดับที่ 6 ค่ะ แต่ครอบครัวไอ้เม๊ก 5 ครอบครัว ที่ไปก่อนหน้า ก็พาลูกๆ ไป ครอบครัวละฝูงนึงค่ะ นั่งกันเป็นตับเหลือที่นั่งอยู่ไม่กี่ที่เลย เฮ้ออออ…. มีลูกกันบ้านละ 8 บ้านละ 10 ให้ลุงแซม (หน้าโง่) เลี้ยง 5555 ต่อๆๆๆๆๆ พอถึงคิว-เค้าเรียกไป แล้วก็คีย์ๆๆๆๆ ดูคอมพิวเตอร์ ไอ้ตี้ต้องฉีดวัคซีน 5 เข็ม กับ TB Test อีก 1 เข็ม รอมมี่ต้องฉีด Flu Vaccine เข็มเดียว จากนั้นก็ไปนั่งรอต่อข้างในแต่รอไม่นานค่ะ บุรุษพยาบาลเดินมากับ 2 ถาดเล็กๆ ถาดแรกของไอ้ตี้ เข็มเรียงมาเป็นตับ เห็นแล้วสยอง 55555 ส่วนของอีรอม..เข็มเดียวมาโด่เด่ 555

 page-629

ตอนที่เจ้าหน้าที่เดินถือถาดมานั่ง ไอ้ตี้ยังไม่รู้สึกกลัวอะไร นั่งเลือกสติกเก้อร์กับพาสเต้อร์ปิดแผลอยู่อย่างเมามันส์ จะปิดให้พรึ่บเลย เลือกเอาแต่ลายรถราจากการ์ตูนเรื่อง Cars  พอเค้าเริ่มแทงเข็มแรกที่ท้องแขนซึ่งเป็น TB Test ไอ้ตี้ก็ยังนั่งดู ทำปากจู๋ร้อง เอ๊าช์ๆๆๆ ouch-ouch พอเข็ม 2-3-4 ตรงต้นแขนซ้าย ก็ร้อง เอ๊าช์ๆๆๆๆๆ เอ๊าชี่ เอ๊าหวี่ ไปเรื่อยๆ และพยายาม เอี้ยวหน้าไปดูที่แขน อิชั้นก็กอดลูกไว้ พอจะเริ่มเข็มที่ 5-6 ที่ต้นแขนขวา ชักดิ้นหนีแล้ว ต้องกอดไว้ให้แน่นเชียว พอเข็มลง ก็ เอ๊าช์ๆๆๆ ต่อด้วย แงๆๆๆๆๆๆๆๆ แง น่าสงสารมาก 555 พอเสร็จจากไอ้ตี้ เค้าก็ต่อที่อีรอม-บั๊ฟฟี่นั่งเฉยมาก ถ้าฉีดแทนกันได้ ก็คงจะให้เค้ากระหน่ำแทงบั๊ฟฟี่รอมมี่ดีกว่า 5555

ตามปกติแล้วไอ้ตี้เนี่ยจะเป็น little trooper เลยนะคะ คือบักอึ๊ดดีพอใช้ แต่งานนี้มันหลายเข็มเกิ้นนนน…. สุดจะทานรับไหว little warrior ก็เลยต้องเสียน้ำตา 555 พอออกมาก็เลยแวะซื้อโดนัทให้ลูก แล้วตรงดิ่งกลับบ้านเลย แล้วก็หาข้าวหาปลาเลี้ยงลูก พอเสร็จแล้วก็นั่งอ่านระเบียบการต่างๆ ของไอ้ตี้ (เห่อซะมากมาย) พออ่านไปมา…มาถึง Questionnaire for Parents ก็ปวดจี๊ด…เข้าที่หัวใจเลยค่ะ เพราะมีส่วนที่เป็น Kindergarten Readiness Checklist อ่านแล้วก็..สะอึก จึ๊กกะดึ๋ย..เลย เพราะถ้าต้องทำตอบสอบถามเช็คลิสต์อะไรแบบนี้สำหรับรอมมี่ก็จะ อีซี่ อีซี่ แต่พอต้องทำแบบสอบถามเกี่ยวกับไอ้ตี้ แงๆๆๆๆๆๆ ….แม่ขอโทษลูกเอ๊ยยยย….

page-631

ต้องสารภาพว่าเลี้ยงลูก 2 คนมาแบบต่างกันราวกับฟ้ากับเหว (ถ้าถามเรื่องรัก…ไม่ต้องคิดเลยค่ะ รักลูกทั้งสองสุดหัวใจ) เพราะหนูดีเป็น first born เกิดมาแบบขาดๆ เกินๆ ตอนเป็นเบบี้ก็ถูกรักฟูมฟัก (อย่างมากกกก…) มาจากครอบครัวใหญ่ คือ มีป้า (แม่จ๋า) และคุณยายเลี้ยงมา ทั้งยังเป็นสุดที่รักของคุณลุงและพี่ภูมิ อิชั้นก็ไปทำงานได้แบบเต็มๆ ไม่มีห่วง เหนื่อยทะเลาะกับแม่หน่อยนึง 5555 อิชั้น take serious มาก กับการดูแลท้อง new born เบบี้ และทุกๆ รายละเอียด ทุกๆ development milestones ของลูก อ่านหนังสือ รีเสิร์ช เหมือนจะสอบ entrance…

page-628

พอมาอยู่กันที่เมกา อิชั้นไม่มีงานการทำแล้วก็แพมเพ่อร์หนูดีแบบสุดๆ สอนอ่าน เขียน (โฮมสคูลแบบฝีมือแม่ 100%) พอสามขวบกว่าๆ หนูดีก็อ่านหนังสือชั้น K และ เกรด 1 ได้เกือบหมดค่ะ เขียนชื่อแซ่ ตัวเอง พ่อ แม่ ญาติโกโหติกาได้หมด ที่อยู่เบอร์โทร อ่าน-เขียนคำง่ายๆ ได้เยอะเกินอายุ (อย่าเอาไปเทียบกับเด็กอัจฉริยะนะคะ 555 ไม่สู้เค้าค่ะ) ใครเห็นใครตะลึง พอเอาไปเรียนพรี-สคูล ครูๆ ก็ชื่นชม เอาเป็นตัวอย่างในชั้นเรียนตลอด ล้ำนำหน้าชั้นไปไกล พอเข้าชั้น K ก็กลายเป็น Teacher Pet สุดยอกนักเรียนอีก ก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมาค่ะ เวลาลูกใกล้ๆ เปิดเทอมก็จัดซื้อหนังสือเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากหนังสือเรียน คู่มือสำหรับสำหรับพ่อแม่ ฯลฯ อ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนกับว่าดีใจมากมายที่โรงเรียนจะเปิดเทอม จะได้ไปโรงเรียนเสียเอง..ตื่นเต้น ดีใจมากกว่าลูกอีกค่ะ 5555 พอโตๆ มาหน่อยก็ off track บ้าง นานๆ ครั้ง แต่ก็กลับเข้าร่องเข้ารอยเป็นเด็ก เอ-รวด บ้างๆ ไม่เอ-รวดบ้าง คือถ้าพูดเรื่อง academic หนูดีก็พอใช้ได้ค่ะ แต่ก็ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่บ้าง เพราะถ้าไม่กวดขันเลย ก็คงไม่เข้าท่าเหมือนกันค่ะ ถ้าพูดเรื่อง attitude & behaviors อย่าให้เซดค่ะ ต้องให้รางวัลยอดแย่ ตั้งแต่เป็นพรีทีนมา เทอ-เปี่ยน-ไป๋ ค่ะ เธอเปลี่ยนไป … ไปในทางแย่ๆ งี่เง่า sassy & talk back จบเรื่องอีรอมดีกว่า แค่นึกถึง ก็อยากเดินไป “เบิ๊ด-โหลก” มันซะเฉยๆ ค่ะ 5555

page-625

มาถึงคราวไอ้ตี้ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี คือ มีไอ้ตี้ตอนแก่ โรคขี้เกียจก็รุนแรงกว่าเมื่อก่อน ไอ้ตี้ก็เลยถูกเลี้ยงมาด้วย NOGGIN ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น nick jr.  เพราะเค้าโฆษณาว่าเป็น preschool on TV 55555 อีกช่องนึงคือ PBS KIDS Sprout ก็เลี้ยงเด็กเก่ง แม่สันหลังยาว ก็เลยให้ไอ้ตี้เบบี้ซิตตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ 5555 อิชั้นเลี้ยงลูกชายแบบนอนเลี้ยง ไอ้ตัวโตไปโรงเรียน ไอ้ตี้ก็ถูกเลี้ยงด้วยทีวี รู้จักโม้ดดดด… A-Z นับ 1 ถึง 18-19-20 พอวันไหน แม่มีอารมณ์จะสอนหนังสือหนังหาไอ้ตี้ซะหน่อย ความอดทนของทั้งแม่และไอ้ตี้ต่างมีจำกีด ไอ้ลูกก็ไม่อยากเรียน ไม่อยากเขียนตามที่แม่บอกให้เขียน อิแม่ก็ไม่ได้อยากสอน 555 พอลูกงอแง งี่เง่า ทำอะไร ม่าย-ล่าย-หลั่ง-จาย แม่มันก็… “class dismissed” เลิกรากันไป กร๊ากกกก…. 5555 พอต้องมาตอบแบบสอบถาม เหมือนหัวจะระเบิดค่ะ ถ้าตอบให้อีรอมเร๊อะ เช๊อะ ง่ายมาก ถูกหมด ได้หมด  outstanding หมด

 page-627

งานนี้ “จุก” แต่ไม่ยอมจอดค่ะ ต้องแจวให้ถึงที่สุดค่ะ ตอนนี้กำลังติวเข้มไอ้ตี้อยู่ เพราะไม่อยากให้มัน behind เพื่อนร่วมชั้น เพราะถ้าเกิดในชั้นมีเด็กที่ ahead (แบบเบบี้รอมมี่) เยอะๆ ไอ้ตี้ตายแน่ค่ะ เพราะไอ้ตี้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการอ่านการเขียนมากนัก แถมไม่มีวินัยใดๆ เลย ตายๆๆๆๆๆ คิดไปก็ปวดกบาลมากค่ะ พ่อบ้านบอกว่า ก่อนที่ลูกจะไปเรียนคินเด้อ จะพยายามเอาไปเรียนที่ซิตี้ตอลเลจซักเดือน สองเดือนค่ะ

อยากให้ทุกๆ คนได้เห็นแบบฟอร์มที่เค้าให้ตอบคำถามค่ะ แต่ขี้เกียจพิมพ์ จะสแกนก็ใหญ่โตแปะยาก แปะเล็กๆ ก็อ่านลำบาก เลยลองไปก๊อปอันนึงจากอินเตอร์เน็ตมาแบ่งๆ ให้อ่านกันเล่นๆ ค่ะ ไม่เหมือนกันฟอร์มที่ได้รับมาแบบเป๊ะๆ แต่ก็คล้ายๆ ค่ะ แบบสอบถามที่ต้องทำจริงๆ ยาวกว่า ถามละเอียดกว่า เน้นเรื่องช่วยเหลือตัวเอง รู้จัก recognized ข้าวของของตัวเอง กินอาหารเอง เปิด-ปิดภาชนะ การใช้ห้องน้ำ แต่งตัวเอง เรื่องมารยาท วินัย การเล่นร่วมกับคนอื่น ไม่ทำร้าย ทุบตีเพื่อน ฯลฯ ใครที่มีลูกรุ่นเล็ก ก็ลองๆ ทำดูนะคะ หรือเตรียมลูกๆ ให้พร้อมกว่าอิชั้นค่ะ

 

Kindergarten Readiness Checklist

(คำตอบสำหรับไอ้ตี้เป็นสีแดง และ ความเห็นเป็นสีม่วงค่ะ)

Part 1: Concept Development

Does Your Child. . .

recognize and/or name colors? ____Yes ____Not yet

match or sort items by color and shape? ____Yes ____Not yet

participate in art and music activities? ____Yes ____Not yet

understand concepts such as: in, out, under, on, off, front and back? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

know her/his body parts (head, shoulder, knees, etc.)? ____Yes ____Not yet

draw a picture of her/himself including head, body, arms and legs? ____Yes ____Not yet

demonstrate curiosity, persistence and exploratory behavior? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

Part 2: Physical Development

Does Your child . . .

put puzzles together? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ถ้าไม่ complicated เกินไปค่ะ)

cut with scissors? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ พอตั้งใจให้ตัดกระดาษก็จับกรรไกรเก้ๆ กังๆ พอไม่ได้บอกให้ตัด ก็ไปตัดผ้าม่าน โซฟา ฯลฯ แหกหมดแล้ว ไม่เห็นตอนมันทำลายของว่ามันจับกรรไกรเข้าท่าหรือปล่าว 5555)

try to tie her/his shoes? ____Yes ____Not yet

enjoy outdoor play such as running, jumping and climbing? ____Hell Yessssss ____Not yet

hold a crayon or marker? ____Yes ____Not yet

ride a tricycle? ____Yes ____Not yet

bounce a ball? ____Yes ____Not yet

Part 3: Health and Safety

Does Your Child . . .

have a set routine and schedule for: preparing for bed, personal hygiene (e.g., brushes teeth, takes a

bath), and eating meals? ____Yes ____Not yet

use good habits (e.g., uses spoon to eat, closes mouth when chewing, covers nose and mouth to sneeze, washes hands after using toilet and before eating)? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No เพราะยังต้องบอกและเตือนตลอดค่ะ)

follow simple safety rules? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No สอนตลอดแต่มันไม่ฟังค่ะ)

visit the doctor and dentist regularly? ____Yes ____Not yet

eat healthy foods? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

Part 4: Number Concept Development

Does Your Child . . .

arrange items in groups according to size, shape or color? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ถ้าเงื่อนไขข้อจำกัดมากๆ ก็ทำไม่ได้ค่ะ)

group items that are the same? ____Yes ____Not yet

arrange toys or objects in size order, big to small or small to big? ____Yes ____Not yet

use words like bigger, smaller or heaviest to show comparison? ____Yes ____Not yet

compare the size of groups of toys or items? ____Yes ____Not yet

correctly count four to ten objects? ____Yes ____Not yet

show an understanding of the passing of time? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางครั้งเข้าใจ แต่บ่อยๆ ไม่ค่อยยอมรับค่ะ คือมันจะไม่เลิก ไม่ฟัง ก็ต้องมีการ..แว๊ดดดด…..)

Part 5: Language

Does Your Child . . .

talk in sentences? ____Yes ____Not yet

follow through when you give her/him one or two directions? ____Yes ____Not yet

use descriptive language? ("That’s a tall building with round windows.") ____Yes ____Not yet

use simple conversational sentences? ____Yes ____Not yet

sing and/or recite nursery rhymes? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ร้องฮัมพึมพำเพลงการ์ตูนได้หลายเรื่องค่ะ rhymes ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ไม่ได้เกิดจากการสอน เรียนเองจากทีวีค่ะ)

use sentences that include two or more separate ideas? ____Yes ____Not yet

pretend, create and make up songs and stories? ____Yes ____Not yet

talk about everyday experiences? ____Yes ____Not yetask questions about how things work in the world around her/him? ____Yes ____Not yet

express her/his ideas so that others can understand? ____Yes ____Not yet

tell or retell stories? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางครั้งรู้เรื่องค่ะ แต่บ่อยครั้งที่ เอ่อ เอ่อ ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ)

Part 6: Writing

Does Your Child. . .

try to write, scribble or draw? ____Yes ____Not yet

have a collection of paper, pencils, crayons? ____Yes ____Not yet

like to receive notes from you and others? ____Yes ____Not yet

ask you to write words or notes to people? ____Yes ____Not yet

use chalk or magnetic letters? ____Yes ____Not yet

attempt to write her/his name? ____Yes ____Not yet

attempt to invent her/his own spelling while writing (scribbling sentences)? ____Yes ____Not yet

see you writing (e.g., notes, recipes, lists, letters, reminders)? ____Yes ____Not yet

Part 7: Reading

Does Your Child...

enjoy getting a book as a present? ____Yes ____Not yet

have many books of her/his own and a special place to keep them? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No บางทีเก็บเข้าที่ แต่บ่อยๆ ที่ไม่เก็บค่ะ)

recognize her/his first name in print? ____Yes ____Not yet

look at books or pictures on her/his own? ____Yes ____Not yet

read stories or verses to you? (e.g., shares verses or stories read at school; reads or pretends to read her/his library books) ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No เปิดหนังสือแล้วก้ งึมงำ พึมพำอยู่คนเดียวบ่อยๆ ค่ะ)

try to read in everyday situations? (e.g., street signs, store signs, cereal boxes, newspapers, magazines, TV advertisements) ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

try to talk about or retell the stories or verses heard in school? ____Yes ____Not yet

try to read along with you on favorite parts of the story or sentences that are repeated over and over again? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ชอบให้พ่ออ่านให้ฟัง แล้วตัวเองก็ interrupt จนคนอ่านหมดความอดทนค่ะ)

see you reading? (books, magazines, letters, newspapers, recipes, etc.) ____Yes ____Not yet

know any nursery rhymes by heart? ____Yes ____Not yet

pretend to read books by reading the pictures? ____Yes ____Not yet

Part 8: Social & Emotional Development

Does Your Child . . .

use words to solve problems when angry or frustrated? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

use words such as "please", "thank you" and "excuse me"? ____Yes ____Not yet

attempt new tasks knowing it’s okay to make mistakes? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ชอบพูดว่า I can’t ก่อนที่จะลองหรือลงมือทำค่ะ)

do things for her/himself (e.g., dress self, put away toys and belongings, take care of own toilet needs)? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

have success in taking turns and sharing? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

interact appropriately with peers and have friends? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

ask for help when necessary? ____Yes ____Not yet

stay with an activity to completion (e.g., finish a picture, build something with blocks/legos)?

____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

follow through when you give directions? ____Yes ____Not yet

comply with rules, limits and routines? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

interact appropriately with adults? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

respect the rights, property and feelings of others? ____Yes ____Not yet (somewhat Yes and No ค่ะ)

พอทำเสร็จปุ๊บ ….ก็ เอ่อ อ่า เฮ้ออออ….. เยอะเลยที่ต้อง “ซ่อม” ไม่ท้อค่ะ เรื่องลูก พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ท้อค่ะ

page-609

กลับมาที่เรื่องฉีดยานิดนึงค่ะ พอตกค่ำ ไอ้ตี้ก็ตัวร้อนเชียว วัดได้ 101.5˚F โน่นเลยค่ะ ก็ให็ยาและดูแลแบบ “แม่มือโปร” ค่ะ ไม่อยากพาไปโรงพยาบาล เพราะหมอก็ต้องบอกให้ทำในสิ่งที่มำอยู่ให้ยาแบบที่กำลังให้อยู่ พอเช้า พารอมมี่ไปทำสะอาดฟัน (เค้าโทรมาเลื่อนค่ะ) แล้วก็ไปส่งที่โรงเรียน พอถึงบ้านไอ้ตี้ตัวร้อนจี๋ 103.7˚F ก็จับถอดเสื้อผ้า ให้ยา บังคับให้นอน ลูกก็นอนกระสับกระส่ายพลิกไปมา ซักพักลุกขึ้นไปอาเจียนใส่ผ้าห่มที่ปลายเท้าพ่อ อิชั้นก็รีบทำสะอาด ดีที่ไม่ทำเปื้อนตรงที่นอน ไม่งั้น ยาววววว…. ก็แค่เช็ด ล้าง เอาผ้าห่มใหม่ออกมา พยายามนอนกันต่อ พอไปรับอีรอม ไอ้ตี้อาเจียนในรถอีก ถึงบ้านก็ทำสะอาดคาร์ซีทอีก จับไอ้ตี้ลงอ่าง วัดไข้ได้ 103.3˚F เหนื่อยใจจัง แต่ก็สงสารลูก ตัวร้อนจี๋ ไข้ไม่ลงเลย ป้อนอะไรก็ไม่ค่อยอมกิน พอค่ำๆ คงหิวนั่งดูทีวีกับแม่ที่กำลังดวดกาแฟอยู่ ไอ้ตี้กินครัวซองต์ไป 4 ตัวจิ๋วๆ เลยค่ะ เห็นลูกกินได้ก็อุ่นใจ ก็พยายามสู้กับไข้ต่อไป เมื่อวานเค้าฉีดเชื่อโรคเข้าไปตั้งหลายตัวนี่เน๊าะ ก็ได้แต่บอกลูก ….ต้องสู้ ต้องสู้ ถึงจะ ชนะ

page-626

Before I got married I had many theories

about bringing up children;

now I have two children, and no theories.

ProudMommy-01

Tuesday, March 08, 2011

My (Real) Low-Life White Trash Friend..!

tumblr_kurcq6DFFW1qawc0po1_500

นานมาแล้ว 9-10 ปี ประมาณนั้น รอมมี่ยังเป็น toddler (almost rooster) อิชั้นใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ กับลูก ไม่ได้ทำงาน ไม่ค่อยไปไหน ไม่มีเพื่อน พอนานๆ เข้าก็สงสารลูกที่ลูกไม่มีเพื่อน ไม่ได้เล่นกับเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนที่จะจัดการพาหนูดีไปเข้าเรียนชั้น preschool อิชั้นได้พยายามจะ take course อะไรก็ได้ที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกับลูก หรือ พาลูกไปด้วยได้ (ไม่รู้จะไปฝากลูกไว้ที่ไหน) โปรเจ็คที่จะเรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสำหรับอิชั้นเอง ทำได้ยากมาก ก็เพราะเรื่องลูกนี่แหละค่ะ เลยทำให้เรียนพยาบาลไม่จบ

27149256_12204b595d

อยู่มาวันนึง ได้รับเมล์ catalogue ของ adult school ว่ามีโปรแกรม Child Development อะไรซักอย่าง จำชื่อไม่แม่นค่ะ (ขี้เกียจไปรื้อใบเซอร์ดู 5555) น่าสนใจมาก เรียนประมาณ 24 ชั่วโมง วันละ 2 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง คือเรียนแป๊บๆ ก็จบคอร์สค่ะ ระหว่างที่เรียนในห้องเรียน พวกเด็กๆ ก็จะรวมอยู่ที่ห้องข้างๆ หรือที่สนามเด็กเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ วาดรูป ระบายสี เล่นเกมส์ ฯลฯ ส่วนพ่อแม่ก็จะเรียนจากหนังสือเล่มใหญ่เชียวค่ะ instructor ใจดี ใจเย็น หน้าตายๆ 555 ไร้ความรู้สึก มีจดโน๊ต มีสอบในวันสุดท้าย เนื้อหาห็ไม่มีอะไรมาก ยอดคุณแม่ (supper mom) อย่างอิชั้น รู้โม้ดดดดด….. 555 ก็มีเรื่องเซฟตี้ต่างๆ ในบ้าน ในรถ โน่นนี่ โภชนการ การอบรม ดูแล ลูก การลงโทษ การให้รางวัล การชื่นชม ตำหนิ อย่างเหมาะสม และไม่ผิดกฏหมาย เค้าสอนอย่างละนิดละหน่อย อิชั้นก็เรียนไปแบบเบื่อๆ แต่รอมมี่ชอบมากค่ะ ได้เล่นเกมส์ ได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ รุ่นเดียวกัน

ระหว่างที่เรียน อิชั้นก็มีเพื่อนใหม่คนหนึ่ง ชื่อ “เทเรซ่า” เป็น สาวใหญ่ แก่กว่าอิชั้น 5-6 ปี red head ตัวโตๆ แต่ไม่อ้วนใหญ่ยักษ์นะคะ คือตัวสูงใหญ่ พอเข้าเรียนชั่วโมงแรกนั่งติดกัน พอวันหลังๆ มาใครมาถึงก่อนก็รีบจองโต๊ะให้กันค่ะ  พอเรียนได้ 2-3 ครั้ง ดิฉันก็ไอ้ทราบ แบบ อ๋อ เหรอวะ ว่า พวกที่มาเรียนทั้งหมดเนี่ยยยย…. เป็นเพราะ court order ค่ะ มีแต่อิชั้นคนเดียวที่มาเรียนแบบ voluntary ฮึ่ม… มิน่าหล่ะ บางคนก็มาแบบผัวเมีย นั่งหน้างอ ไม่พูดไม่จากัน บางคนก็เป็นแบบวันแมนโชว์ truck driver (ยังนึกเลยว่าอิตาหนวดเฟิ้มเนี่ย น่ารักจัง มาเรียนคอร์สนี้ 555) บางนาง บางอี บางไอ้ ก็แบบ น่าตาไม่นาไว้ใจ เหมือนเดนคุก อิชั้นก็เรียนๆ ไป ไม่พูดกับใคร ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครพูดกันหรอกค่ะ แต่ก็จะมีพวกที่จี๋จ๋า แจ๊ดแจ๋ แต้แว๊ด เสียงดัง center of attemtion หลายคนอยู่ค่ะ คือพวกนี้ต้องเรียนให้จบ เข้าคลาสทุกครั้ง ใครขาดเรียนก็จะไม่ได้ใบเซอร์ไปให้ศาลค่ะ พวกนี้อาจมาจากคดี ทำร้ายลูกเต้า ฟ้องแย่ง custody ลูก หลังจากหย่ากัน คือเป็นได้หลายกรณีค่ะ จารนัยไม่หมด พอมาเล่าให้พ่อบ้านฟัง ก็ให้เป็นห่วงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกเมียที่รักยิ่งนัก ขอร้องให้เลิกไปเรียน อิชั้นก็สัญญาว่าจะดูและตัวเองและลูกให้อยู่รอดปลอดภัย เพราะว่าลูกชอบคลาสเด็กค่ะ ได้ตัดกระดาษ วาดรูป ฯลฯ (หลังจากจบคอร์ส พ่อบ้านก็จับรอมมี่เข้าพรีสคูลเลยค่ะ วันละ 27 เหรียญก็ไม่บ่น นั่นเป็นเรทเมื่อ 10 ที่แล้วนะคะ)

shots

กลับมาที่เทเรซ่า ทุกครั้งที่เธอมาเรียน ก็จะมีลูกชายหล่อเชียวค่ะ ชื่อ อาดัม มาเรียนด้วยทุกครั้ง อาดัม อายุ 11 ปี พอรู้ว่าแม่กับแม่จับคู่กัน อาดัมก็คอยเป็นหูเป็นตาดูแลหนูดีในห้องเรียนของเด็กๆ พอวันที่เรียนจบ ครูบอกว่าให้ทุกคนนำ snack เครื่องดื่มมาปาร์ตี้กัน อิชั้นยังจำแม่ว่า เอาอะไรไปดีว๊าาา…. พ่อบ้านแนะนำว่า ให้ไปซื้อ เบบี้แครอทที่มี ranch dip เป็น individual snack pack จะเหมาะกว่า ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องจัด วางๆ ไว้ใครอยากกินก็มาหยิบๆ ไป แต่พอมันเป็นแพ๊คเดี๋ยวๆ ก็จะแพงนะคะ อิชั้นซื้อไป  3 โหล คิดว่าน่าจะพอ เพราะใครๆ ก็เอาขนมเครื่องดื่มไปกันเยอะแล้ว คัพเค้ก คุ้กกี้ เพียบ พอเอาแครอทวางเท่านั้นนะคะ มือดำๆ เล็กๆ ก็ย่องมาหยิบทีละ ห่อ สองห่อ พวกไอ้ดำ ไอ้เม๊กก็ให้ลูกวนมาหยิบไปเก็บกลับบ้านกันค่ะ ไม่ถึง 2 นาที แครอทอิชั้นหายเกลี้ยง พอครูกับใครๆ เดินมาถามว่าอิชั้นเอาอะไรมา ก็ได้แต่แบมือ ยักไหล่ แบะปาก จะไปไล่รื้อเอามาจากกระเป๋าอีพวกนั้นก็ อืมมมม… อย่าไปเล่นกะมันเลยพวกโลว์ไล้ฟ์ ทองไม่ลู่กระเบื้องเปื้อนขี้ค่ะ 555 คือไม่ใช่ต่ำเฉยๆ ต๊ำต่ำ แล้วช้่วด้วย น่ากลัว 55555

drugs

เทเรซ่าคงพอรู้ว่าอิชั้นเหมือนจะมู้ดดี้ พอเลิกรากันแล้ว ก็ออกปากชวนอิชั้นกับรอมมี่ไปที่บ้าน บอกว่าจะทำบาร์บีคิวเลี้ยง อิชั้นก็อึกอัก อึกๆ อักๆ มากเลยค่ะ เพราะไม่ได้รู้จักมักจี่มากมายขนาดนั้น และไม่ได้คิดคบต่อจริงๆ นะคะ แต่ก็กลัวคนชวนเสียใจ เพราะเธอและลูกคะยั้นคะยอเสียขนาดนั้น แล้วคงรู้ว่าเราตาขาวด้วย ก็ย้ำอยู่นั่น ว่าเค้าอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก ไม่มีใคร สุดท้ายก็ไปค่ะ จำได้ว่าอยู่ไม่นาน ทานอะไรแป๊บๆ ก็กลับ พออีก 2-3 อาทิตย์ เทเรซ่าก็โทรมาหา ถามไถ่ ว่าเป็นไง เงียบไปเลย ชวนไปนั่งเล่นคุยกัน shill out ดีกว่า จะอยู่บ้านเงือกเหงาทำไม อิชั้นก็เลยซื้อน้ำอัดลม ไอติมไป เพราะเทเรซ่าโทรสั่งพิซซ่าไว้รอ ในวันนั้นทำให้อิชั้นได้รู้เรื่องราวของเทเรซ่า สามีเธอติดคุกอยู่ค่ะ เพราะทะเลาะตบตีกัน ทำร้ายเธอจนตาหลุดออกจากเบ้าข้างนึง กระโหลกร้าว ทำให้เธอต้องย้ายจากเฟสโน่มาอยู่มาเดร่า ไม่มีเพื่อนหรอก แต่ด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้เธอต้องเรียนคอร์สนั้นจำได้ไม่แม่นว่าทำไม judge ต้องการใบเซอร์นั่นจากเธอค่ะ แต่ที่ประหลาดใจยิ่งนักจนอดถามออกไปว่าทำไม อาดัมไม่ไปโรงเรียน อาดัมก็มาตอบเองเลยนะคะ ว่าไม่ชอบเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ พวกไอ้เม๊กไอ้ดำชอบรังแก เลยขอให้แม่ไปทำเรื่องโฮมสคูล ฟังแล้วก็เศร้าใจ อิชั้นกลับมาเล่าให้พ่อบ้านฟังตามปกติ อิพ่อบ้าน “ปักม๋า” ของอิชั้นก็เรียกเทเรซ่าว่า your eye-popped friend หรือไม่ก็ your pop-eye friend ตลอดเลยค่ะ 55555

do-adhd-drugs-take-a-toll_1

เด็กอาดัม พูดจาฉะฉาน สุภาพ แต่ชอบ interrupt ผู้ใหญ่คุยกัน คนเป็นแม่ก็ไม่ห้ามปราม แต่รวมๆ เป็นเด็กอ่อนโยน ขี้อ้อน ติดแม่ จากนั้นก็ไปมาหาสู่เทเรซ่ากับลูกหลายหน เหมือนกับ have good time, good talk with good friend จริงๆ นะคะ เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ สนุกสนาน เรื่องหนัง ทีวี ดารา ฯลฯ จนอยู่มาวันนึง เทเรซ่าโทรมาหาบอกว่าวันนี้มีนัดต้องไปหาหมอ แต่รถของเธอโดน repossessed (ถูกยึด เพราะขาดส่ง) เมื่อไม่กี่วันมานี้ อิชั้นก็ไม่รีรอ เพราะรู้ว่าเทเรซ่ามีเรื่องที่ต้องดูแลเกี่ยวกับ health issue เห็นกินยาอยู่หลายขนาน ก็รีบบึ่งไปรับเทเรซ่ากับลูกไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปรับรอมมี่ โดยอาดัมขอติดรถไปด้วย (เด็กอาดัมเรียกอิชั้นว่า Auntie Ooh ซึ่งถือว่าแปลกมาก เพราะเด็กฝรั่งมักเรียกผู้ใหญ่หรือใครๆ ด้วยชื่อเฉยๆ ค่ะ แต่เทเรซ่าสอนให้อาดัมเรียกอิชั้นแบบนั้น) พอขากลับไปรับเทเรซ่าที่โรงพยาบาล เลยแวะแม๊คโดเน่า ซื้ออะไรให้เด็กๆ กิน อาดัมก็ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก น่ารักดี

spiritual_drugs

ไม่นานต่อมาเทเรซ่าก็บอกว่าเธออยากย้ายกลับไปอยู่เฟรสโน่แล้ว เพราะมาเดร่าค่อนข้างกันดารถ้าไม่มีรถก็ไปไหนไม่ได้ เฟรสโน่ยังมีรถเมล์ อิชั้นก็ใจหายนิดๆ นะคะ เพราะไม่มีเพื่อน พอมีเทเรซ่าก็สนุกไปอีกแบบนึงค่ะ ทำกับข้าวกินกัน เธอยังสอนอิชั้นทำ Bar-B-Q Ribs แสนอร่อยยยยย…. อิชั้นก็สอนเธอทำแกงเขียวหวานของโปรดเธอด้วย

drugs-abuse

พอเทเรซ่ากับลูกย้ายไปไม่นาน เธอก็โทรมาบอกว่าไม่อยากไปเยี่ยมเธอกับลูกบ้างเหรอ (ตลอดเวลา เทเรซ่าและลูกไม่เคยรู้ว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน เพราะพ่อบ้านเตือนว่าห้ามบอกเด็ดขาด) อิชั้นก็บอก ได้สิ บ้านอยู่ไหน เลขที่เท่าไหร่ ถนนอะไร ก็พากันขับรถไปหา บ้านใหม่ของเธอเป็นอพาร์ทเม้นต์ยูนิตเล็กๆ 2 ห้องนอน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น เห็นว่ารัฐจ่ายค่าเช่าให้เธอ ด้วยโปรแกรม Section-8 เทเรซ่าเคยเป็นพยาบาล พอมาเป็น disable ทำงานไม่ได้ เลยมีสวัสดิการช่วยเหลืออื่นๆ อีก เป็นเช็คส่งมากทุกๆ เดือนๆ ละ 2 เช็คมั๊ง รวมแล้วเกือบๆ 2 พันได้ค่ะ ก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟ โทรศัพท์ไป ข้าวปลาอาหารก็ซื้อหามากินเอง พอเดินเข้าบ้านใหม่ของเทเรซ่า ก็งงๆ นะคะ มีเคเบิ้ลทีวี ข้าวของใหม่ๆ เพียบ เทเรซ่าบอกว่าเธอเคยอยู่ย่านนี้มาก่อน เพื่อนๆ ของเธอก็ยังคงอยู่ละแวกนี้ พอรู้ว่าเธอกลับมาก็ขนโน่นนี่มาต้อนรับเป็นการใหญ่

Welfare

พอเราเริ่มจะทำกับข้าวกับปลากินกัน (ตามปกติเวลาเราเจอกัน) ก็มีคนโน้น คนนี้ เปลี่ยนหน้าเดินเข้าเดินออกบ้านเธอเป็นว่าเล่น ทุกครั้งเทเรซ่าก็จะแนะนำว่า This is Ooh, my sweet Thai friend & I love her very much. This is Rommy, my little angel. แล้วก็บอกใครต่อใครเรื่อยๆ ว่าอิชั้นน่ะเป็นคนดี… คนดี good person which you never imagine you’ll have someone this good as your friend! อิชั้นก็เขิลลลล์ ซ้าาา… แล้วก็มีสาวสวยนมตู้มมมม…. เซ็กซี่เดินเข้ามา ชื่อของเธอคือ แพเมล่า ซึ่งต่อมากลายเป็นเพื่อนที่อิชั้นสนิทด้วยอีกคน ทุกครั้งที่เราเจอกัน ก็จะต้อง กินๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ซื้อ ก็ทำอะไรกินกันทุกครั้ง เทเรซ่าจะมีลูกหยอดใส่แพมทุกครั้งว่า Ooh is my friend…not yours. Don’t mess with her…I told you! ฟังทีไรก็แปลกๆ หรือว่าเทเรซ่ามันเลสเบี้ยนวะ ชักแหยงๆ

Dont-apply-for-jobs-that-do-drug-tests-Use-unemployment-check-to-buy-more-weed

ทุกครั้งที่ไปบ้านเทเรซ่า อิชั้นก็จะมีเรื่องมาเล่าให้พ่อบ้านฟังทุกครั้ง คำพูดแปลกๆ พฤติกรรมแปลกๆ อย่าง… ทำไมใครๆ ชอบเข้าห้องน้ำทีละ  2 คน พ่อบ้านก็บอก มันดูทะแม่ง ทะแม่ง นะ ไม่จำเป็นก็ห่างๆ ละกัน อิชั้นก็เลยห่างๆ ออกมา ไปแวะเวียนหานานๆ ครั้ง ถ้ามีเหตุต้องให้ไปซื้อของที่เฟสโน่ มีอยู่ครั้งอิชั้นก็เห็นมีผู้ชายเม๊กซิกันเตี้ยๆ สั้นๆ หน้าตาขี้เหร่ พวกเผ่า Oaxaca (Spanish pronunciation: [oaˈxaka]; English pronunciation: /wəˈhɑːkə/ wə-HAH-kə) พวกวะหะกา เหมือนกับ ชนเผ่าแรงงาน ชนชั้นล่างของพวกเม๊กน่ะค่ะ อะไรเทือกนั้นค่ะ พออิชั้นเห็นมีตัวแบบนั้นเดินอยู่ 2 ตัวในบ้านเธอก็ตกใจ และกลัวค่ะ เพราะโดนกรอกหูจากพ่อบ้านว่าอยู่ให้ห่าง พออิชั้นตั้งท่าว่าจะคว้าแขนลูกเดินออกมา บอกไปว่าถ้ามีเพื่อนก็ขอตัวละกัน เทเรซ่าก็บอกให้อยู่ก่อน อิชั้นก็ส่งสายตาถามไปแบบ “ใครวะ พวกนั้นน่ะ” เธอก็รีบบอก ว่าพวกนี้โอเคไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ก็นั่งไม่ติดเพราะอะไรๆ ดูแปลกๆ เทเรซ่าก็เลยมาขอโทษขอโพยถ้าหากทำให้รู้สึกว่า uncomfortable อิชั้นก็บอกปล่าวหรอก ปล่าวเลย เพียงแต่มีธุระต้องทำ แวะมาเซย์ “ไฮ” เฉยๆ เธอก็รีบบอกว่า เมื่อคืนไปปาร์ตี้กับแพม เมากันเละ (อิชั้นไม่เคยดื่มกับพวกนี้เลยนะคะ) พอขากลับ เจอไอ้เตี้ย 2  ตัวที่เห็น ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ก็มาลงเอยกันที่นี่แหละ nothing to blame….but too drunk and physical needs พอได้ยินแค่นั้นก็ อึ้งงง.. โอ้..มาย บุ๊ดด้า… เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะคะ ที่ได้ยินว่า physical needs ก็เลยต้อง f**k around เคยรู้แต่ว่า physical needs คือ หยูกยา อาหาร แขนขาเทียม อะไรทำทำให้ชีวิตอยู่รอดและดำเนินต่อไปได้ ทำไมช่างแหวะ หยะแหยงเหลือเกิน สงสารตัวเองกับลูกที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้

2204~No-Drugs-Posters

จากวันนั้น อิชั้นก็ไม่ได้แวะเวียนไปหาเทเรซ่าอีกเลย อยู่เงียบๆ กับลูกผัวเรื่อยมา อยู่มาวันนึงเป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อได้รับโทรศัพท์จากอาดัม บอกว่าวีคเอนด์ที่จะถึง เป็นวันเกิด อยากให้ Auntie Ooh มา พอเด็กพูดแบบนั้น ใครจะไม่ “จุก” ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลย หยอดๆ ไปว่า อยากได้อะไร อาดัมก็บอกอยากได้ skateboard พอถึงวันอิชั้นก็จัดการเอาไปให้ กะว่าจะให้ของขวัญกับเด็กแล้วก็ร่ำลาเลย พอไปถึงเทเรซ่าก็ดีอกดีใจมากกกก… ที่อิชั้นไปวันเกิดอาดัม รีบชวนเข้าบ้าน แล้วก็ชวนคุยขอโทษขอโพยอิชั้นเรื่องคราวโน้น อิชั้นก็บอกไปว่า ไม่เห็นต้องขอโทษอะไร มันเป็นเรื่องส่วนตัว คุยไปคุยมาอิชั้นก็รู้สึกดีขึ้น รู้สึกเหมือนตอนเรารู้จักกันใหม่ๆ คุยกันสนุกสนานได้ไม่นาน แพมก็เดินเข้ามากับหญิงสูงวัยแปลกหน้า พอเข้ามาปุ๊บก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำทั้งคู่ ก่อนเข้าห้องน้ำก็แวะไปในครัว ฉีก aluminum foil เข้าไปด้วย แล้วเทเรซ่าก็เดินตามเข้าห้องน้ำไป เสียงดังโล้งเล้ง แอบฟังได้ใจความทำนองว่า ถ้าอู๋มาอย่าทำแบบนี้ อู๋เป็นคนดี เตือนแล้ว ไม่เคยฟัง ชั้นรักอู๋มาก ต่อไปจะไม่ให้พวกแกเหยียบเข้ามาบ้านชั้นอีกเลย บลาๆๆๆ พอได้ยินแบบนั้นก็พอเดาออกว่า เข้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำ แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แล้วสองคนนั้นก็ผลุนผลันออกไป ก็เลยถามว่ามีอะไรกันเหรอ เทเรซ่าก็รีบบอกไม่มีอะไรหรอก ไม่ชอบที่แพเมล่าชอบพาใครๆ เข้ามาในบ้าน อิชั้นก็ทำเป็นมารยาทดีขอตัวกลับบ้านก่อน (เค้าใช้อลูมินั่มฟอยล์เวลาเสพยาเสพติดที่ต้องเอาไฟเผาลนแล้วสูดเอาควันเข้าไปน่ะค่ะ พวก Methamphetamines, Methadone, หรือ โคเคน)

4uovzis

พออีก 2-3 สัปดาห์ต่อมา ประมาณตี 4 หรือเกือบๆ เช้า อิชั้นนอนหลับอยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงโทรศัพท์ โทรมาจาก CPS - Child Protective Services ขอพูดกับอู๋หน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าหลานชื่ออาดัมอยากมาอยู่ด้วย เค้าก็ซักหลายครั้ง อู๋ชื่อจริงชื่ออะไร อยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ เด็กก็ตอบไม่ได้เลย เอาแต่ร้องไห้ บอกแต่ว่าไม่อยากไปอยู่ Foster Care ขอไปอยู่กับ Auntie Ooh ฟังแล้วก็อึ้ง งง ง่วงด้วย พ่อบ้านก็เลยคุยต่อให้ ถามว่าทำไม อะไร อย่างไร ได้คำตอบว่า เมื่อคืน..ตำรวจได้ไปทลายบ้านของเทเรซ่า เพราะสงสัยว่ามี prostitution เกิดขึ้นที่บ้านนั้น พอกวาดล้างก็พบยาเสพติดมากมาย โดนจับไปนอนซังเตกันหลายคน ซึ่งมีเทเรซ่าและแพเมล่าเป็นตัวนำ ฟังแล้วก็ขนลุก บรึ๋ยยยย…

Drugs Cocaine with 100 Bill

พอคุยต่อไป เจ้าหน้าที่บอกว่าพ่อและแม่ของเด็กต่างอยู่ในคุก ตอนนี้เด็กไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน บอกแต่ว่ามีน้าชื่ออู๋ ขอไปอยู่กับน้า พ่อบ้านก็บอกไปว่า No คงต้องให้ CPS ดูแลเด็กอาดัมไปตามระบบ ระเบียบ และขั้นตอน เพราะเมียของกะโพ๊มรู้จักกับเทเรซ่าเพียงผิวเผิน มิได้เป็นป้าเป็นน้าของเด็กอาดัมแต่อย่างไร พอวางสายปุ๊บก็หันมา “เฉ่ง” อิชั้นเป็นการใหญ่ อิพ่อบ้านโมโหมาก สวดยาวเลย ทิ้งท้ายไว้ว่า Do you know what you put yourself into? เพราะถ้าตอนที่เค้ากวาดล้างหรือค้นบ้าน อิชั้นไปนั่งเอ๋อเหรอ ถึงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เค้าก็ใส่กุญแจมือ ลากคอเข้าคุกไปก่อน แล้วถึงจะมาสอบปากคำที่หลัง น่ากลัวเน๊าะ เกือบไปแล้วตู จะว่าไป…อิชั้นไม่เคยไปบ้านนั้นกลางค่ำกลางคืนนะคะ แต่ใครจะไปรู้ คนเราจะถึงคราวซวยนิ

drugs-gun-knife

หลังจากนั้นไม่กี่วันอิชั้นก็ขับรถผ่านไปดูที่บ้านนั้น เค้าเอาไม่กระดานตีตะปูปิดไว้ทุกหน้าต่างเลยค่ะ แต่ยังพอเห็นได้ว่ากระจกแตกไปหมด ไม่รู้ตำรวจทุบเข้าไป หรือไอ้พวกนั้นกระโจนทะลุกระจกหนีออกมา พอเห็นแบบนั้นก็ให้นึกถึงเด็กอาดัม อยู่ไหน ไปอยู่กับใครน๊อออ… แต่มันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของอิชั้นจริงๆ นะคะ ไม่ได้ใจดำ จะให้เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้คงไม่กล้า แต่เทเรซ่าเป็นเพื่อนที่ดีกับอิชั้นจริงๆ นะคะ ไม่เคยชักนำ แนะนำ ลากจูงให้อิชั้นทดลองสิ่งของผิดกฏหมายใดๆ เราคุยกันก็เหมือนแม่บ้านคุยกัน คิดในแง่ดีก็คือ เทเรซ่ารักอิชั้นมาก ไม่อยากให้ใครทำอะไรไม่ดีในขณะที่อิชั้นอยู่ที่บ้านเธอ ไม่อยากให้อิชั้นรู้ กลัวอิชั้นเลิกคบ คบกันเป็นปีไม่มีทีท่า เชิญชวน ชักชวนให้อิชั้นทำอะไรที่ไม่ดีด้วย เราต่างเอ็นจอยการกิน เช่าหนังมาดูกัน ไม่มีอะไรแปลกประหลาดค่ะ

stop-smoking-drug

มาถึงวันนี้ บางทีไปไหนๆ ตามที่ต่างๆ เคยนึกนะคะ (นึกเฉยๆ ค่ะ ไม่อยากให้เกิดจริงหรอก) ว่า ถ้ามีเด็กหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาทักแล้วแนะนำตัวว่าเค้าเป็น…อาดัม อิชั้นคงนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี แต่ยังไงก็ขอให้เค้าโตไปเป็นคนดี อย่าเจริญรอยตามพ่อแม่เลย สาธุ

Friends-dont-let-friends-do-drugs

Wednesday, March 02, 2011

ฤๅข้านี้..คือ..ขุนศึก

จึงต้องออกรบตลอดเวลา (วะ) ระยะเวลาตลอดเดือนเศษๆ ที่ผ่านมา… ต้องเรียกว่า ข้าศึกบุกประชิดประตูเมืองทุกด้านเลยเชียว ศึกเหนือ-เสือใต้รอบตัว ไม่รู้เป็นอะไร เรื่องไม่มาหา ก็ดิ้นรนไปหาเรื่องใส่ตัวเองอยู่ได้ไม่หยุดหย่อน เฮ้อออออออ…… มันต้องมีอะไรมาให้ประลองฝีมือ รบรา อยู่ไม่ขาด ไม่เคยได้อยู่สงบๆ กับใครเค้าเลย

เรื่องแรก คือ ปัญหาที่มีกับ Notebook อันใหม่ คือเมื่อปลายปีก่อน พ่อบ้านเค้าซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่เอี่ยมให้อีก 1 เครื่อง เป็นยี่ห้อ Hewlett-Packard รุ่นเบบี้ ไม่ใช่ไฮเอนด์หรือท๊อปออฟเดอะไลน์ แต่อย่างใด ราคาย่อมเยาว์ ขนาด 15.6” ตอนนั้นไม่ได้อยากได้ ไม่ได้บ่น งอแง งี่เง่า ร้องจะเอา… คือ เพื่อนรักชาวลาวของอิชั้น ไปเข้าคิวลากซื้อมา 2 เครื่องเมื่อตอน Black Fridayโน่น พอซื้อมาแล้ว เกิดนึกขึ้นได้ ว่าน่าจะซื้อ desktop จะดีกว่า ก็เลยมาถามขายให้ราคาเท่าที่เค้าจ่ายไป พอมานั่งคิดค่าที่เค้าไปเข้าคิวค่อนคืน เพื่อแย่งซื้อของราคาถูกเป็นพิเศษ แล้วมาขายให้โดยไม่คิดกำรี๊-กำไร มันก็น่าสนเน๊าะ มาถามขายอิชั้นเป็นคนแรก (ว่างั้น) แต่เค้าร้อนเงิน ต้องจ่ายเดี๋ยวนี้ๆ เลย ไม่งั้นจะไปถามขายคนอื่น อิชั้นก็เล่าให้พ่อบ้านฟัง อิตานั่นก็บอกว่าให้โทรไปบอกเค้าว่าจะซื้อเอง อิชั้นก็บอกไม่เอาหรอก เครื่องเก่าก็ยังเอี่ยมอยู่ เพี่ยงแค่ไอ้ตี้แกะแป้นออกไม่กี่อัน เดี๋ยวมีตังค์จะเอาไปซ่อม ก็แจ่มแมวเหมือนเดิม อิพ่อบ้านก็เลยบอกว่า จริงๆ ตั้งใจจะซื้อ iPad ให้ แต่อันนี้ถูกกว่าตั้งเยอะ ($300) เอาไว้ใช้เล่นๆ ไปก่อนละกัน

อิชั้นก็เลยกลายเป็นยอดหญิงที่มีคอมพิวเตอร์ในครอบครองถึง 4 เครื่อง ไม่รวม Handheld อีกอัน 555 ใช้คนเดียวนะคะ 555555… ถ้าลูกหรือสามีจะใช้ต้องขออนุญาต…เพราะอิชั้นใส่พาสเวิร์ดไว้ทุกเครื่อง แต่พ๊าดเหวิดไม่สามารถป้องกันคนมือบอนมาแกะคีบอร์ดได้ค่ะ ที่ต้องทำแบบนั้น.. ไม่ใช่งกนะคะ (พ่อบ้านก็มีพาสเวิร์ดของเค้า ใช้คอมพ์ได้ anytime เมื่อเค้าต้องการ แต่อิตานั่นไม่ค่อยใช้หรอกค่ะ จะมีก็ตอนก่อนไปทำงาน นั่งดื่มกาแฟหน้าคอมพ์หน่อยนึง เลิกงาน นานๆ ครั้ง ที่จะมานั่งหน้าจอ เสียที ก็เลยบอกไปว่า คอมพิวเตอร์ทั้งหมดเป็นของอิชั้น) ต่อๆๆๆๆ พ๊าดเหวิดต้องมีไว้ เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ ค่ะ ก็ล๊อคไว้ทุกอย่าง ถ้าจะใช้ก็จะล๊อคอินให้ใช้ account ของเค้าเอง ซึ่งอิชั้นตั้งข้อจำกัด ตั้งเวลา ฯลฯ ไว้เพียบค่ะ โลกไซเบอร์น่ากลัวค่ะ

เป็นว่าอิชั้นมีโน๊ตบุตเพิ่มมา อาทิตย์แรกๆ ก็เพลินเลยค่ะ นอนดูละครขโชว์จากเมืองไทยได้บนเตียง ใส่หูฟัง อิพ่อบ้านจะดูหนัง ดูโทรทัศน์อะไรโหวกเหวก ก็ดูไป ไม่เกี่ยวกัน สุขเป็นไหนๆ มีสุดที่รักอ้วนๆ นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้แล่บท๊อปอันเก่า 17.3” หนักมากค่ะ ถ้าวางบนตักนานๆ เมื่อยมากกกก… พอเข้าอาทิตย์ที่ 3 คืนหนึ่งคืนนั้น อิชั้นนอนดูรายการทีวีไทยผ่านยูทู้ปอยู่ดีๆ ณ ทันใด..เครื่องก็ปิดตัวลง ไม่ชาร์จ ไม่หือ ไม่อือ ดับสนิท หน้ามืดไป มืดจริงๆ นะ ทำไง๊ ทำไง จะทำยังไงดีวะ โมโหจัง เครื่องใหม่เอี่ยมเลย ใหม่เอี่ยมแบบอิชั้นเอามาแกะกล่องเองเลยนะคะ คนที่เค้าขายต่อให้ยังไม่ได้แตะต้องแกะกล่องแต่อย่างใด

พอวันต่อมาอิชั้นก็โทรไปที่ฮิวเล็ตต์ แพ๊คการ์ด (เครื่องยังอยู่ใน warrantee 1 ปี จึงจะใข้บริการนี้ได้ฟรีค่ะ) อิชั้นก็คุยกับเทคนิเชี่ยนเค้า แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นแชทกันเพราะต้องมีการส่งลิ้งค์ต่างๆ ไปมา อิชั้นก็ทำตามสารพัดที่เค้าบอก ใช้เวลาหมดไป เกือบ 1 ชั่วโมง อิตาเทคนิเชี่ยนนั่นคงถอดใจ ไอ้เครื่องบ้าก็ไม่ยอมฟื้นคืนชีพ เลยบอกว่าคงต้องให้ส่งเครื่องเข้าไปที่ HP เพื่อ repair ค่ะ

HPService

อีก 2  วันถัดมาอิชั้นก็ได้กล่องจาก FedEx เป็นกล่องเปล่าๆ พร้อมโฟมสำหรับหีบห่อ เลเบ้ว และ instruction สำหรับส่งกลับไปที่ HP อิชั้นก็รีบหีบห่อตามที่เค้าบอก แล้วก็บึ่งเอาไปให้เค้าที่ร้านรับส่งของ FedEx ทั้งหมดเป็นบริการฟรีค่ะ พออีก 2 วันก็ได้อีเมล์จาก HP ว่าเค้าได้รับเครื่องแล้ว พออีก 5 วันก็ได้รับเครื่องคืนมาในสภาพเนี๊ยบ ห่อมาแบบของใหม่แกะกล่องเลยค่ะ สรุปว่า ใช้เวลา 7 วัน เครื่องก็กลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แต่ก็มีปัญหาคาใจว่า ฤๅกรูจะได้ของมีตำหนิ defected item อีกแล้ว เกิดมาเพื่อของไม่สมประกอบตลอดเลยว่ะ แต่ผัวสมประกอบน๊าาา… ติงต๊องนิดหน่อย 555555

ไอ้โน๊ตบุ๊คเจ้าปัญหาก็ทำตัวดีรับใช้หม่ามี๊ด้วยดีมา ..จน….คืนหนึ่งเมื่อต้นเดือนกุมภาฯ ค่ะ อิชั้นนอนดูหนัง ดูละครอยู่ดีๆ ไอ้ internet connection ก็ disconnect ไปเฉยๆ แบบไม่บอกไม่กล่าว ฉลาดล้ำทำได้หมดอย่างอิชั้น ก็แจ้นออกไปดู router ทำการ ตรวจเช็ค เปิดคอมพ์ตัวอื่นๆ ก็ปรากฎว่าไอ้พวกนั้นก็คอนเน๊คตามปกติ อย่างทันใจ-ไร้ปัญหา  อิชั้นก็จัดการ reset เร้าท์เต้อร์ เสียบเข้าถอดออกสารพัดสายทั้งหมด ทั้งต้นทาง-ปลายทาง  ทำไปโม้ด….. ก็ไม่เวิ๊ก เลยสรุปได้เองว่าปัญหาต้องมาจากไอ้โน๊ตบุ๊คแน่ๆ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ก็เลยพยายามข่มตาให้หลับ ตื่นแล้วค่อยว่ากันใหม่

พอตื่นมาจัดการเรื่องลูกเต้าเรียบร้อย อิชั้นก็ตั้งสถานีเลยค่ะ เปิดเครื่องเดสก์ท๊อป เปิดเครื่องไอ้โน๊ตบุ๊คบ้านี่ ติดต่อ customer services ของ HP ออนไลน์ แชทกับ technician คนแรก เชื่อหรือไม่เชื่อ เราแชทกัน 4 ชั่วโมงเศษ คือ เค้าบอกให้ทำโน่นนี่ ตรงโน้นตรงนี้ อิชั้นก็ทำตามเค้าไปเรื่อยๆ แล้วก็คอยบอกผลเค้าไปว่าเป็นไง บางอย่างก็ใช้เวลา รีบู้ทแล้ว รีบู้ทอีก restore หลายครั้ง ทำสารพัด ไปจนถึง ล้างเครื่องแบบกลวงโบ๋เหมือนตอนแกะกล่องเลยทีเดียว เครื่องก็ยังไม่ยอม connect กับ wireless เซ็งมากกกก… จากนั้นอิชั้นก็เปิดฉากแชทเซสชั่นที่ 2 กับเทคนิเชี่ยนคนใหม่ คราวนี้ก็ให้ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ อีก เดี๋ยวๆ อิตานั่นก็ขอเวลากลับไปอ่านแชทของเซสชั่นแรกก่อน ว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว สุดท้ายคงจนมุม บอกเดี๋ยวนะ ขอเอาปัญหาไปถามซูเป้อร์ไวเซ่อร์ เดี๋ยวกลับมาคุยกันใหม่ พออิชั้นล๊อคอินเข้าไปแชทใหม่ ก็เจอคนใหม่อีก ก็ทำไปทุกอย่างที่เค้าบอก ถึงขนาดเปิดหลังเครื่อง ลากไส้ฮาร์ดไดร้ฟ์ออกมาหมด จิกหัว wireless card ออกมาด้วย ถอดออกใส่กลับไปใหม่ ถอดใหม่ ใส่ใหม่ สรุปวันนั้นอิชั้นแชทรวมทั้งหมด 4 sessions กับ 3 technicians ใช้เวลาไป 7 ชั่วโมงกว่า เหนื่อยค่ะ ไอ้คนสุดท้ายคงหมดปัญญา เลยบอกว่าจะของเอาเครื่องเข้าไปซ่อม

ก็แบบเดิมอีก กล่องมา แพ๊คเสร็จ ส่งกลับไป อีกไม่กี่ัวันได้เครื่องคืนกลับมา หัวจิตหัวใจลิงโลดยิ่งนัก เมื่อตอนแกะกล่อง จบๆ ซะที พอเปิดเครื่อง เหมือนเดิมค่ะ ถึงเค้าได้เปลี่ยน wireless card ให้ใหม่ก็เหอะ มันก็ไม่ยอม “ฮุก” อินเตอร์เน็ตค่ะ จำได้ว่าวันที่ได้เครื่องคืนมาเป็นวันศุกร์ พอเครื่องไม่เวิ๊ก เลย เบื่อๆ ไม่แชท ไม่โทร ไม่คุย ทำถาม ไม่พยายามทำอะไรอีกแล้ว เอาเครื่องไปยัดไว้ใต้เตียง เก็บความเซ็งๆ ไว้ในใจคนเดียว มันเหมือนกลับเมฆดำแขวนคลุมหัวอยู่เลยค่ะ อิชั้นเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ไม่สามารถเลิกคิด ไม่ปล่อยวาง ถึงไม่พูดหรือเล่าให้ใครฟังก็เถอะ จริงๆ มันมีอีกหลายๆ เรื่องรกใจอยู่ในขณะเดียวกันให้ต้องคิดด้วย ช่วงนั้นเซ็งเป็ด เซ็งห่าน อย่าบอกใครเชียว

พอหลายวันต่อมา พ่อบ้านก็ถามว่าเครื่องได้กลับมาแล้วไม่เห็นเอาออกมาใช้ ก็เลยตอบว่า มันยังเฮงซวยเหมือนเดิม ทำไมถึงต้องเป็น goo ตานี้อิพ่อบ้านก็คิดแบบไอ้กันค่ะ เครื่องอายุยังไม่ถึง 90 วัน เอาไปคืนเลย อิชั้นก็เลยฮึดค่ะ ขอลองอีกตั้ง เพราะตอนนั้นเหมือนกับว่าอีกไม่กี่วันก็จะครบ 90 วันค่ะ แต่คราวนี้ไม่ขอคุยกับ HP แล้ว แต่จะขอคุยกัย AT&T ซึ่งเป็น Internet Provider ที่เราใช้บริการอยู่ คราวนี้อิชั้นคุยกับเจ้าหน้าที่ของเอทีแอนด์ทีทางโทรศัพท์ค่ะ เริ่มต้้นอิชั้นก็บอกกับเค้าเลยนะคะ นี่ๆๆๆๆ ฟังชั้นก่อนนะ เรื่องมันยาว ปัญหาคือนี่ๆๆๆๆ ชั้นติดต่อกับ HP ทำนี่ๆๆๆ ส่งเครื่องไป ส่งเครื่องมา บลาๆ ร่ายยาวไป จากนั้นก็เริ่มกันเลยค่ะ ซ่อมนู้น ทำนี่ เซ็ทนั่น แก้โน่น ทำกันสารพัด ไม่เวิ๊ก อิชั้นก็ถอนหายใจ เฮือกๆ อิตานั่นก็เสียงตามสาย ใจเย็นๆ แมม เราต้องช่วยกัน เดี๋ยวก็ได้ ไปๆ มาๆ อิตานั่นคงรู้สึกหมดหนทาง ขอเบรคแป๊บนึงไปถามเพื่อนก่อน พอกลับมา ก็ยังทำไม่ได้อีก ก็เลยบอกไปว่า หยุดก็ได้นะ ชั้นจะเอาเครื่องไปคืน อิตานั่นบอก โน่ๆๆๆๆ ต้องทำได้สิ ลองล้างบางทุกสิ่งทุกอย่าง ขุดลึกลงไปให้ถึงขั้วของทุก sub-menu ดิชั้นก็ เอ้า เอาไงเอากัน เอากะมันสิ 555 ทำไป ทำมา คลิกโน่น คลิกนี่ อยู่เครื่องมันฮุกอินเตอเน็ตเฉยเลย ดีใจ ดีใจ อิชั้น วี๊ด…บึ้ม… ขอบคุณอิตานั่นยกใหญ่ บอกไปว่า John….you’re the man! He was laughing like crezy…55555 คุยกัน 2 ชั่วโมงกว่า กลายเป็นว่า ไอ้เครื่องจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่งไป-ส่งมา เปลี่ยนเครื่องในบางส่วน โดยหล่าวประโยชน์ แต่คำถามของอิชั้นคือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร นอนดูละครอยู่เฉยๆ ไม่ได้หยิบจับเม้าส์ หรือแตะคีบอร์ด อะไรไป trigger ให้ connection โปรแกรมเปลี่ยนไป สุดท้ายเรื่องเซ็งๆ ก็จบไปเรื่องนึง ค่ะ เรื่องนึงเท่านั้นค่ะ ไม่ใช่ทั้งหมด

เพิ่งครึ่งทาง อย่าเพิ่งเบื่ออ่านกันซะก่อนนะคะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันหนักหนาเอาการอยู่ค่ะ การที่แอบทำอะไรลับหลังพ่อบ้าน..มันก็ทุกข์ใจระดับนึงแล้วนะคะ ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตร้อยล้านก็เถอะ เพราะเราไม่มีความลับต้องปกปิดกันค่ะ คืออิชั้นเกลียดไอ้โทรศัพท์ที่ใช้อยู่ แต่ต้องรออีกนานกว่าจะมีสิทธิ์อัพเกรด ซึ่งจะได้ส่วนลดในการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ในราคาลดเป็นพิเศษ พอไม่ชอบก็ดิ้นรนค่ะ 5-6 เดือนก่อน ก็ไปซื้อโทรศัพท์ใช้แล้วราคาถูก $50 กว่าๆ มาใช้ ซื้อจาก amazon.com คือก่อนซื้อก็อ่านรายละเอียดเงื่อนไขแล้ว ดูดี ไม่เอาเปรียบกัน ราคาพอทนได้ ที่ทำคัญ คือ ทราบดีว่าโทรศัพท์ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อเป็น used phone เค้าไม่ได้โกหกอะไร ก็ซื้อมา พอได้รับเครื่อง โดยรวมๆ ก็โอเค ใช้กับ SIM ได้ โทรออก รับสายเข้า ได้ดีปกติ แต่ฝาหลังของเครื่องมันหลวมค่ะ เดี๋ยวหลุด เดี๋ยวร่วง เอาเทปแปะไว้ ก็ดูน่าเกลียดน่าชัง ติดต่อไปว่าจะขอคืนเครื่อง เค้าก็โอเค เพราะเค้ารับประกัน 1 ปี แต่ก็ลังเลใจค่ะ เพราะค่าส่งคืนก็ร่วมๆ  $10 พ่อบ้านก็เลยบอกว่า ไม่ต้องส่งคืนหรอก มันพอใช้ได้ก็เก็บไว้เป็นเครื่องสำรอง รออีกหน่อยพอได้อัพเกรดก็ค่อยซื้อเครื่องใหม่

มันไม่ใช่อย่างนั้นสิคะ อิชั้นก็ได้แอบไปสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือออนไลน์ เพราะฉลาดล้ำไงคะ คิดว่า “ต้องดี” แถมไม่ต้องจ่ายค่า data plan $39.99 ต่อเดือนให้กับ provider ที่เราใช้บริการอยู่ เลยสั่งจากไอ้เว๊บนี้ค่ะ Cell2Get.com (This company is a scam….. Do not buy any thing from this company! Be worn  buy from somewhere else!) สั่งไปโดยไม่บอกไม่กล่าวให้พ่อบ้านรู้ อิชั้นสั่งซื้อโทรศัพท์เมื่อวันที่ 20 มกราคมค่ะ พอผ่านไปซัก 2 สัปดาห์ ก็ชักเอะใจ ทำไมมันนานนักวะ ก็โทรไปถาม มันบอกว่า ไม่ต้องวอรี่..แมม.. เป็นเพราะต้องสั่งเครื่องมาให้จากต่างประเทศเลย แต่ได้ส่งไปแล้วนะ รอรับได้เลย วันจันทร์หน้าก็คงได้รับแล้ว อิชั้นก็ อ๋อ.. เหรอ.. เออ.. โล่งอก พอวันจันทร์ที่มันบอกว่าของจะมา ก็ไม่มีอะไรมาถึง แต่ก็ใจเย็นรอไปจนวันศุกร์ ก็โทรถามอีก ได้คำตอบเหมือนเดิม แต่คราวนี้อิชั้นชักโมโห ก็หยอดไป ไม่โกหกกันนะ วันจันทร์ก็ไม่ได้รับอะไรอีก รู้สึกฉุนกึกฉุนกัก ปะทุ คุ อยู่ในหัวอก โดนต้มแน่ goo ตั้ง $185 โกรธ โมโห เอาไงดีวะ จนวันที่ 17 กุมภา ก็โทรไปถามมัน ว่านี่แก ชั้นยังไม่ได้รับของ ชั้นขอคืนเงิน ยกเลิกหมดทุกอย่าง มันก็บอกมาว่า แคนเซิ่ลได้ไง ของไปแล้ว ก็เล๊งกับมันไปอีกนิดหน่อย แบบอึกๆ อักๆ เพราะนึกไม่ออกว่าจะเอาไงดีฟระ แล้วก็วางหูไป พอนั่งโมโหไม่รู้จะทำอะไรดีได้ซักพัก เหลือเชื่อ…หรือไม่เชื่อ มีของมาส่งค่ะ อูย….. ดีใจค่ะ แต่พอเปิดกล่องออกมา โกรธแบบควันออกหู ไฟออกจมูกเลยค่ะ

BlackberryFlip

ดูรูปกันเลยค่ะ โทรศัพท์ที่ส่งมาเน่ามากๆ ไม่มีเอกสารใดๆ มาด้วย ไม่ว่า invoice หรือ packing list ก็พอชี้ชัดได้เลยว่ามัน unprofessional กล่องและคู่มือดูปลอมๆ แล้วคู่มือก็เป็นของแบล๊คเบอรี่รุ่นอื่น ที่ไม่ใช่ flip คีบอร์ดหมายเลข 6 ไม่มี แต่แถมเบอร์ 9 มาตั้ง 2 อัน รอยขูดขีดเต็มไปหมด พอเอา “ซิม” ใส่… ก็ใช้ไม่ได้ เลยส่งอีเมล์ไปบอกมันว่า เครื่องมันที่ส่งมาน่ะ unacceptable condition & it’s not a new phone as advertised จะส่งคืนแล้วขอคืนเงินทั้งหมด จากนั้นก็โทรหามันอีกหลายครั้ง ก็ไม่มีคนรับสาย อิชั้นก็นั่งเป็นบ้าอยู่คนเดียว ก็เลยไปเจอเว๊บนี้เข้า http://www.resellerratings.com/store/Cell2Get แล้วก็ไปเขียนคอมเม้นท์ไว้ ไม่มีคำหยาบคายใดๆ เพียงเล่าไปตามจริง แล้วก็บอกว่าบริษัทนี้เป็น scam อย่าไปซื้ออะไรจากมัน คุณๆ คะ ลองไปอ่านดูเถอะค่ะ หลายๆ คนเจอปัญหาเดียวกัน หรือไม่ก็ใกล้เคียงกับปัญหาของอิชั้น ไอ้ที่ให้คะแนนตั้ง 5 ดาวทั้งหลาย มันคงเข้าไปเขียนเองทั้งสิ้น  เพื่อจะได้หักล้างกับที่เค้าเขียนด่า แสดงว่าวันๆ มันไม่ทำอะไร ไปเว๊บโน้นเว๊บนี้-นั่งเขียนชมตัวเอง เหยื่อจะได้ติดกับดัก (อย่างอิชั้น) แหงะ ถ้าอิชั้นไอ้อ่านรีวิวนี้ก่อน ก็คงไม่ซื้ออะไรจากมันหรอกค่ะ มาเจอเข้าเมื่อสายไปแล้ว แหวะ

พอได้ดีก๊อปปี้และเซฟ comment อันแรก (ต้นฉบับ) ไว้ด้วย ลองอ่านดูค่ะ มิได้ตัดต่อ ดัดแปลงแก้ไขข้อความแต่อย่างไร อย่าไปใส่ใจแกรมม่า แกรมมี่ หรือความถูกต้องใดๆ ค่ะ เพราะตอนเขียนนั้น…อุดมไปด้วย โทสะ โมหะ แบบเต็มๆ เลยค่ะ และโปรดสังเกตุวันเวลาที่อิชั้นเขียนครั้งแรก กับวันเวลาที่แก้ไขด้วยค่ะ

BlackberryFlip-01

จากนั้นอิชั้นก็ไปไฟล์ complaint ที่ BBB - The Better Business Bureau of the United States ค่ะ ให้รายละเอียดไปหมดว่าเป็นอะไร ค่าเสียหายเท่าไหร่ ผลที่อิชั้นต้องการคือ refund in full ค่ะ ต่อจากนั้นก็โทรไปแจ้ง ขอไฟล์ dispute กับบริษัทบัตรเครดิตที่อิชั้นใช้จ่ายเป็นค่าไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนี่ พอเสร็จธุระปุ๊บ สายโทรศัพท์ว่างลง ไอ้เชี่ยนั่นโทรมาเลยค่ะ กระโชกโฮกฮาก สำรากออกมา ว่าทำไมถึงไปโพสต์ negative comment  (วันๆ มันคงนั่งเช็คเรทติ้งหน้าจอตลอดเวลา เพิ่งจะโพสต์เสร็จ ได้อ่านแระ เลว-เร็วจัง 555) ถ้าอยากได้เงินคืนก็ให้ไปลบอออกซะนะ อิชั้นก็บอกไปว่า สิ่งที่อิชั้นเขียนไป เป็นความจริง มันก็พูดซ้ำซาก แบบ ถ้าไม่ไปลบออก I have not thing to do with you and forget about your refund! อิชั้นก็แกล้งโง่ บ้า เซ่อ เพราะเห็นแก่เงินที่เสียไป-อยากได้คืนค่ะ แต่ก็คิดในใจว่า goo ได้เงินคืนเมื่อไหร่ goo จะเขียนให้แรงเชียวมึง แล้วก็บอกมันไปว่า เออ OK, I will delete my comment so, I will get my money back, right?  มันก็บอกโอเคเลย แต่มันจะคืนเงินให้ก็ต่อเมื่ออิชั้นส่งโทรศัพท์กลับคืนไปให้มันก่อน เออวะ ส่งอยู่แล้วแหละ จะเก็บไว้ทำเกี๊ยะอะไร

พอดีเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนเป็น long weekend ก็เลยต้องรอจนวันอังคาร (22) ถึงได้ไปส่งโทรศัพท์คืนให้มัน พอวันที่ 25 มันอีเมล์มาบอกว่าได้รับโทรศัพท์แล้ว ให้โทรหามันด้วย พอดีติดวีคเอนด์อีก ก็เลยโทรไปหามันเมื่อวันจันทร์ (28) พอโทรปุ๊บ…งานเข้าอีก ปะทะคารมกันหนักเลยค่ะ อิชั้นพยายามอดทนอดกลั้นไม่ใช้คำผรุสวาท เพราะอัดเทปไว้ค่ะ มันก็คงรู้ตัว ระวังคำไม่ curse ออกมาเหมือนกัน แต่ขอบอกว่า แร๊งงงงง……

ต้องบอกก่อนว่า เมื่อวันที่ 17 อิชั้นได้พยายามที่จะดีลีทข้อความที่เม้นต์ไว้ อย่างว่าง่าย แต่โปรเกรมของเว๊บนั่น ไม่ยอมให้ดีลีทค่ะ และ ไม่ยอมให้เว้นว่างไว้ ต้องเขียนอะไรลงไปอย่างน้อย 25 ตัวอักษร อิชั้นก็เลยแก้ไขทิ้งไว้แบบนี้ค่ะ (ดูรูปค่ะ ลองอ่านคอมเม้นต์อื่นๆ ก็พอจะเดาได้ค่ะ ว่ามันเขียนเอง ฮี่ม..) และยังคงเป็นดาวเดียวเหมือนเดิม เพราะดาวคะแนนไม่สามารถให้เป็น 0 อย่างน้อยหรือแย่ที่สุดต้องให้คะแนน 1 ดาวค่ะ ไม่งั้นรึ ฮึ มันไม่มีทางได้จากอิชั้นซักดาวหรอกค่ะ

ScreenShot120 copy

กลับมาที่บทสนทนาเถื่อนกับไอ้สถุลนั่นค่ะ พอรับสายมันก็เปิดฉากเลยค่ะ ว่า มันได้รับโทรศัพท์คืนแล้ว แต่มันไม่คืนเงินนะ เพราะอิชั้นไม่ยอมไปเขียนความจริงที่เว๊บนั่น อิชั้นก็งง ความจริงอะไร บอกให้goo ดีลีท goo ก็ลบที่เขียนไว้ออกหมดแล้ว มันบอกทำไมต้องทิ้งดาวเป็นแถวยาวเหยียดแบบนั้น ก็บอกว่าเค้าไม่ให้ทิ้งไว้ว่างๆ และไม่ยอมให้ดีลีทด้วย goo ก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว เลยถามมันไปว่า I don’t understand…why those stars bother you so much?

มันก็บอก that kind of comment hurts my business. why don’t you tell the truth?

อิชั้นก็บอก  If I write the truth, it will hurt your business for real. 

มันยังหน้าด้านบอกว่าถ้าอิชั้นเขียนความจริงนะ ไม่ hurt หรอก แต่อิชั้น โกหก

โกหกไรวะ ภาษาพ่อมึงสิ *************************** อ่านได้ด้วยเหรอวะ แล้วแปลว่าอะไร ชักอยากรู้

เลยตอบไปว่า ถ้า goo เขียนความจริง ก็ขอเขียนสั้นๆ แค่ว่า This is a scam and what I got is Bad Service! มันโมโหใหญ่ เสือกสวนมาอีก ว่านั่นก็โกหกอีก ชิชะ มาว่า goo ตอแหล มันก็พูกซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าให้ tell the truth..  tell the truth.. วกไปวนมา เลยถามมันว่า ความจริงของมึงคืออะไร

เชื่อมั๊ยคะ มันบอกว่า ก็เขียนไปสิว่า ordered the phone, got the phone, it doesn’t work with my SIM, then I returned the phone and I got my refund. โห… หน้าด้าน กล้ามาตอแหลพูดแบบนี้กับอิชั้นอีก

เลยบอกมันไปว่า That’s a big lie! I didn’t get my refund yet. How dare you say such a thing like that?

มันยังมาบอกอีกว่า ถ้าไม่ไปเขียนตามที่มันบอกแทนไอ้ “แถวดาว-ดาวแถว” นั่น มันไม่คืนเงินให้หรอก ก็เลยสวนมันไปว่า มึงส่งรีฟันด์คืน goo ก่อนสิ เดี๋ยวจะไปเขียนโกหกให้ เชื่อมั๊ยค่ะ มันก็พูดเหมือนเดิม เขียนสิ คืนให้ อิชั้นก็สวนไปแบบเดิม คืนเงิน goo สิ goo เขียนให้ เหมือนปัญญาอ่อน ยอกย้อนซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบรอบ จนมันบอกว่า เดี๋ยวขอวางสายก่อน ซัก 5 นาทีจะโทรกลับมาใหม่

พอวางสายจากมัน อิชั้นก็โทรไปที่บริษัทบัตรเครดิต บอกไปว่า frustated มาก ไอ้นรกนั่น rude เกินรับ เค้าก็บอกว่าเค้าได้เครดิตคืนเงินให้อิชั้นตั้งแต่วันที่ 23 แล้ว ไม่ต้องไปพูดคุยอะไรกับมันอีก ทางเค้าจะจัดการกับมันเอง อิชั้นก็ขอบคุณเค้าไป พอวางสาย มันโทรมาแบบ ทุกๆ 30 วินาที อิชั้นไม่รับสาย พ่อบ้านก็ไม่ให้รับ ให้ answering machine รับ คืนนั้นมันโทรมา 18 ครั้ง วันรุ่งขึ้นมันก็โทรไม่หยุด เป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน พ่อบ้านบอกห้ามลบข้อความที่ฝากไว้ เพราะบันทึกเวลาที่มันโทรมาด้วยค่ะ การที่มันโทรแบบนี้แจ้งความได้ ถือว่าเป็นการ harassment สามารถแจ้งความดำเนินคดีข้ามรัฐได้ มันอยู่ Brooklyn, New York โน่นค่ะ

 BlackberryFlip-03-s

จริงๆ มีเว๊บไซต์ที่ช่วยเหลือคนที่ถูกโกงอยู่เหมือนกัน อย่างอันนี้ http://www.ripoffreport.com/Search/Body/cell2get.aspx ลองเข้าไปดูกันค่ะ มีคนไฟล์รีพอร์ตเรื่องไอ้บริษัทนรกนี้ไว้ ทำไม๊ ทำไม่ อิชั้น ไม่อ่านเจอเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งแค้นอยู่แบบนี้ เดี๋ยวจะเข้าไปฟ้องซะหน่อย 5555 ให้หายแค้นนิ

ถึงแม้อิชั้นจะได้เงินคืนแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับ นั่งคิดนอนคิด ว่า เค้าจะจัดการกับมันยังไง ที่อิชั้นร้องเรียนไปที่ BBB ถึง 2 ครั้ง เค้าจะทำอะไรกับมันมั๊ย หรือ แค่รับแจ้งความไปงั้น ทางบัตรเครดิตจะได้เงินคืนจากมันหรือปล่าว มันไม่ใช่ความผิดของแบ๊งค์เลย อิชั้นโง่เอง ซื้อเอง เค้ามารับผิดชอบแทนมัน คิดๆๆๆๆๆ ไม่สามารถหยุดคิดได้ ยังคิดอีกว่า อิชั้นทำดีที่สุดหรือยัง และยังสามารถจะทำอะไรได้อีกมั๊ย เพื่อไม่ให้คนชั่วอย่างมันลอยนวล ไปหลอกไปต้มคนอื่นอีก สารพัดคำถามที่อยู่ในเมฆดำบนหัวของอิชั้น มันไม่หนีไปไหนเลยค่ะ เผลอไปถามพ่อบ้านเข้า โดนดุเลยค่ะ เค้าบอกเรื่องตรงนี้จบแล้ว ให้แบ๊งค์แฮนเดิ้ลส่วนของเค้า ถ้ามันคุกคาม เราก็ดำเนินการส่วนที่เราทำได้ หยุดคิดมากได้แล้ว ยูแฮนเดิ้ลส่วนของยูดีที่สุดแล้ว แล้วก็ทิ้งท้ายว่า เดี๋ยวซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาเรื่องอะไรอีก รอหน่อยเท่านั้นเอง แล้วก็ กอด จุ๊บๆ ปลอบใจ

จริงๆ มันยังมีเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่ไม่น่าเอามาคิดวิตกอะไร แต่ทำไม๊ ทำไม หยุด โรควิตกกังวลไม่ได้ อูย… ลืมไปรับยา อูย… อีก 3  วัน ต้องพาลูกไปทำสะอาดฟัน (ก็เริ่มนอนไม่หลับมาตลอดอาทิตย์แล้วค่ะ กลัวลืม) อูย… ต้องเอารถไปทำ smog check อูย.. ทำอะไรให้ลูกกินดี อูย.. ไม่มีตังค์ อูย..หนาว อูย.. ร้อน อูย.. อูย.. อูย.. นั่นก็ต้องทำ อูย.. นี่ก็ต้องไป อูยๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าจะบ้าแล้วค่ะ HELP!

There are only two ways to live your life.

One is as though nothing is a miracle.

The other is as though everything is a miracle.

DontMess-01

Tuesday, March 01, 2011

ฝรั่งขี้สงสัย 555 ฮานาก้า….

 

ก๊อปมากจากน้องตู้นะคะ อิชั้นมิได้คิด-เขียนเอง แต่ขำดี ไปอ่านกันซะนะคะ

อ่านแล้วขำดี แล้าก็นึกถึงโชว์ Stupid Abroad หน่อยๆ 555 ไม่รู้จะจั่วหัวว่าฝรั่งขี้สงสัย หรือ ฝรั่ง….ง่าว ดี เพราะคิดตามหลักสากลแล้ว ไม่รู้คือไม่โง่..ใช่ป่าว 55555 ชีวิตความเป็นอยู่ ต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างพื้นฐานความคิด การเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อม ใครที่ไม่เหมือนเรา คิดไม่เหมือนเรา ทำไม่เหมือนเรา… เราก็ว่ามันโง่แหละ ในทางกลับกัน มันก็ว่าเราโง่ เราประหลาด แหะๆ อย่าคิดมาก อ่านขำๆ นะคะ

page-624Thanks > > These pictures from http://www.google.com/images

clip_image001 เป็ปซี่ใส่น้ำแข็ง…ใส่ถุง

clip_image001 ช้างเดินเล่นกลางถนน ตำรวจไม่จับ

clip_image001 คนไทย ทำไมต้องมีชื่อเล่น

clip_image001 มีเพื่อนอเมริกันมาเที่ยวเมืองไทย ตอนเห็นข้าวหลามครั้งแรก เอามือป้องปาก ตกใจ Oh My God !!!!! ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ได้ ข้าวหลามกระบอกเดียวถ่ายรูปมันทุกมุม ตื่นเต้นกว่าถูกล็อตโต้เสียอีก

clip_image001 เอาปลาเน่ามาทอดกิน เหม็นตลบไป 3 บ้าน

clip_image001 กระดาษสำหรับใช้เช็ดก้น เอามาใช้เช็ดปากก็ได้ด้วย

clip_image001 ร้านอาหารจัดวางกระโถนไว้ใต้โต๊ะ ฝรั่งถามว่า ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำใช่ไหม

page-621

clip_image001 บ้านมีศาลพระภูมิ ฝรั่งถาม บ้านหลังเล็กๆ หน้าบ้าน เอาไว้ให้อะไรอยู่

clip_image001 อาหารข้างทาง ริมถนน หาได้ตลอด 24 ชั่วโมง

clip_image001 กินผลไม้จิ้มเกลือ กินก๋วยเตี๋ยวแล้วใส่น้ำตาล

clip_image001 คนไทยจูงมือคนแก่กับเด็กๆ ข้ามถนน, ลุกให้คนแก่นั่ง ... ฝรั่งเห็นแล้วซึ้ง

clip_image001 ข้ามถนน ตรงไหนก็ได้

clip_image001 ผู้ใหญ่ตีเด็ก ฝรั่งเห็นแม่ค้าที่ตลาดจตุจักรตีก้นลูกผลั๊วๆ ฝรั่งตกใจตาค้างเลย

clip_image001 ละครไทย ทำไมตัวละครหญิงต้องทำเสียงแปร๋นๆ พร้อมกับทำตาเถลือกถลน

clip_image001 คนไทยกินกันทั้งวันทั้งคืน กินได้ทุกที่ ไปที่ไหนๆ ก็มีอาหารขายข้างทางทั่วประเทศไทย

clip_image001 อาหารเช้า กลางวัน เย็น เหมือนกันหมดใครอยากกินตอนไหน อยากกินอะไรก็กิน

clip_image001 ทำไมคนไทยชอบกินอาหารนก (เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดแตงโม)

clip_image001 มีเพื่อนเคยถามว่าเธอไปโรงเรียนยังไง มีรถขับรึเปล่า เราก็ตอบเขาไป มีรถ แล้วเพื่อนถามกลับมาพร้อมทำตาโต จริงเหรอ เรานึกว่าคนไทยขี่ช้างไปเรียน แป่ว..=__=

clip_image001 เพื่อนฝรั่งได้ยินพระสวดงานทำบุญบ้าน ถามว่าทำไมต้องให้คนเหล่านี้มาร้องเพลง

page-623

clip_image001 ละครพื้นบ้านเรื่องปลาบู่ทอง สามีชอบดู ทั้งที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ถามว่า-ทำไมเด็กหญิงคนนั้นรักต้นมะเขือเทศ พอถูกตัด มะเขือเทศร้องไห้เสียงดัง ดิฉัน ตอบว่า- เพราะมะเขือเทศเคยเป็นแม่ของเด็ก ก่อนหน้านั้นเป็นคนจริงๆ พอแม่ตายกลายเป็นปลาทอง ถูกจับกินทิ้งก้างไว้เลยกลายเป็นมะเขือ เดี๋ยวยูดูนะ ต่อไปมะเขือจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ มีใบเป็นสีเงินสีทองด้วยแหละ นี่ยังเล่าไม่จบเลยนะว่าเด็กหญิงโตขึ้นถูกนางอิจฉาฆ่าตาย แล้วกลายเป็นนกแขกเต้า!

clip_image001 ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านการทำนาที่แปลกมาก (คือพัฒนาได้ช้านั่นเอง) ทั้งๆที่เป็นอาชีพประจำประเทศ อันนี้เทียบกับญี่ปุ่นคือ สมัยก่อนญี่ปุ่นมีปัญหาขาดแคลนข้าวอย่างหนัก จนต้องนำเข้าข้าวของไทย แต่พี่ไทยพอเห็นเงินก้อนใหญ่ดันโลภ เอาข้าวปลอมปนไปขายให้เค้า เค้าเลยไม่ยอมซื้อข้าวกับเราอีกเลย หลังจากนั้นญี่ปุ่นเลยทำนาเอง เค้าสามารถทำนาได้สุดยอดมากๆ สามารถเกี่ยวข้าวทั้งไร่ได้ภายในวันเดียว เป็นระเบียบมาก และสามารถสั่งข้าวผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผุ้บริโภคสามารถซื้อข้าวกับชาวนาได้โดยตรง (ขอย้ำว่าสามารถจัดการได้ใน 1 วัน)

clip_image001 ทามมายโคนทาย..ชอบขี้.. ขี้เกียจ ขี้โกง ขี้บ่น ขี้โม้ ขี้เห่อ ขี้อิจฉา ขี้มูก ขี้ตา ขี้เหม็น etc.... เอะอะ อะไรก็ขี้ๆๆๆๆๆ ...shit this shit that all the time

clip_image001 ผู้ชายเจ้าชู้จะโดนภรรยาตัดอวัยวะเพศ แล้วจะขึ้นหนังสือพิมพ์หน้า 1

clip_image001 คนไทยรักพระมหากษัตริย์มาก ฝรั่งตกใจว่าไม่คิดว่ าคนไทยจะรักพระมหากษัตริย์มากถึงเพียงนี้

clip_image001 ชาวมาเลย์ตกใจมากที่เห็นคนไทยเอารถราคาเป็นล้านมาทำ Taxi นั่งแล้ว ไม่อยากลง

clip_image001 ใส่เสื้อผ้าเต็มที่แล้วเล่นน้ำทะเล น้ำตก

clip_image001 ฝรั่งงงกับภาษาของกระเป๋ารถเมล์มาก คือ คำว่าไป-ป้าย มันออกเสียงเหมือนกัน ทำไมคำนึงรถถึงจอด กับอีกคำรถถึงวิ่งออกไป ฝรั่งฟังแล้วงงว่ามันคำเดียวไม่ ใช่เหรอ

clip_image001 ร้านก๋วยเตี๋ยวทำไมมีทั้งบนบกกับในเรือ คือทำไมบางร้านขายบนบกต้องเอาเรือมาจอด แล้วทำไมคนขายต้องไปนั่งขายในเรือด้วยทั้งๆ ที่อยู่บนบกแท้ๆ

clip_image001 ฝรั่งงงบางวันมีคนใส่เสื้อสีชมพูเยอะแยะไปหมด

page-622

clip_image001 ทำไมเวลาขึ้นรถไฟฟ้าประเทศไทยแล้วเดินไปแลกเหรียญที่เคาน์เตอร์ ถึงซื้อตั๋วที่นั่นเลยไม่ได้ ต้องแลกเป็นเหรียญแล้วเดินกลับมาหยอดอีก

clip_image001 ฝรั่งงงคนไทยนิสัยประหลาดผลไม้ไม่สุกก็เอามากิน เช่น มะม่วง

clip_image001 คนเยอรมันประทับใจห้างในกรุงเทพฯ เปิดทุกวัน

clip_image001 คนญี่ปุ่นตกใจมากกับคำว่า "กินเล่นๆ" บอกว่าคนไทยกินตลอดเวลาเลย ถามว่ากินทำไม ..? บอกว่ากินเล่น ตกใจมากเพราะที่ญี่ปุ่นไม่มีกินเล่นๆ มีแต่กินจริงจัง

clip_image001 สาววัยรุ่นชาวฮอลแลนด์มาอยู่แถว อ.นาแก จ.นครพนม ไม่ยอมกลับบ้าน แม่ตามให้กลับบ้านเท่าไรก็ไม่กลับบอกว่ากลับไปบ้านก็ไม่มีอะไรกิน หนาวก็หนาว อยู่นี่มีกินทั้งปี อยากกินอะไรดึกแค่ไหนก็เดินออกมาซื้อกินได้ตลอด ผลไม้มีกินทั้งปี กลับบ้านไปมีกินแต่หน้าร้อน ดอกไม้ก็บานทั้งปี ไม่ใช่ได้ดูแค่หน้าร้อนแบบบ้านเขา

clip_image001 นักร้องคริสตี้ติดอาหารไทยจนกลับไปบ้านเยี่ยมปู่ยา ต้องพก มาม่าไปด้วยเพราะ กินอาหารบ้านตัวเองไม่ได้ มันเลี่ยนนมเนย

clip_image001 ทำไมคนไทยชอบชวนกินข้าว

clip_image001 เวลาเล่นเน็ตคนไทยชอบพิมพ์ "555+"

 

 

ขอบคุณ http://fail.in.th/ สำหรับรูปภาพที่อิชั้นก๊อปมาทั้งหมด (โดยมิได้ขออนุญาต)

อยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ เข้าไปดูเว๊บนี้นะคะ วันไหนเซ็ง เครียด ชะงัดนักเชียว ขำกร๊าก…. ฮามากๆ