Thursday, May 05, 2011

แปะมือกันป่วย…หมอรวยตามเคย

ตลอดเดือนที่ผ่านมาอิชั้นกับลูกชายก๊อตตี้ผัดกันป่วย ลูกเอาเชื้อโรคมาฝากจากโรงเรียน เป็นหวัดไอจนตัวโก่งน่าสงสาร ไม่กี่วันต่อมาแม่ก็เป็นหวัด ไอ แบบหนักมาก ไอแบบเลือดออกมาเลย ไอจวนปวดท้อง ฉี่เล็ด ไอที่เจ็บซี่โครง ไอจนเหนื่อย นั่งร้องไห้เลยค่ะ พอลูกค่อยยังชั่วหน่อยนึงก็มาทวงเอาเชื้อโรคคืนจากแม่ ลูกป่วยงอมอีก มีช่วงนึงที่อิชั้นเป็นแบบหนักๆ นอนซมเลยก็ 4-5 วัน ต้องลากสังขารขับรถรับ-ส่งลูก กินยาเป็นตะกร้า หนูดีโตพอที่จะหากับข้าวกับปลากินเองได้ แล้วอาหารโฟรสเซ่นก็ซื้อไว้เต็มตู้เย็น แต่ไอ้ตัวเล็กสิคะ อิชั้นยังต้องไปหุงหา (บางที่ยังต้องป้อน) ขุนให้เสร็จๆ วันละ 2-3 ครั้ง ส่วนตัวเองช่วง 4-5 วันนั้น น้ำหนักหายไป 9 ปอนด์ ชอบจังเลย แต่ไม่ชอบตรงที่ป่วย พอฟื้นตัวมาหน่อยก็ฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้า ได้คืนมาหมดทุกกิโลทุกขีดแล้วยังได้แถมมาอีกหน่อย

page-673สก๊อตตี้ที่โรงเรียนวัน Easter Party ค่ะ

ตอนกลางๆ เมษาก็พาพ่อบ้านไปโรงพยาบาลทำ colonoscopy ซึ่ง 2-3 วันก่อนหน้าก็ต้องมีการเตรียมตัว ล้างไส้ล้างพุง ห้ามกินโน่นกินนี่ ต้องดื่ม solution ที่รสชาติ “โคตรโหด” เป็นแกลลอน ตามเวลาที่เค้ากำหนดมา (เคยต้องดื่มไอ้โซลูชั่นนั่นตอนที่ผ่าตรูด จำได้ว่ารสชาติ so nasty กว่าจะหมดขวดแทบตายเลยค่ะ) อีกอย่างนึงที่น่ารำคาญมาก คือ ผู้ชายนะคะ จริงๆ แล้วใจเสาะ ขี้กลัว กว่าผู้หญิงเยอะเลย ('MythBusters' confirms whether women tolerate pain better than men.) กลัวๆๆๆ บ่นๆๆๆ ตลอดเวลาที่รู้ว่าต้องทำเทสต์อันนี้ (เกือบๆ 1 เดือน) พูด พล่าม บ่น สงสัย กังขา แพล่มๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา เบื่อหน่ายมาก อิชั้นเหนื่อยหน่ายที่ต้อง “ฟัง” จนต้องตะหวาดแว๊ดกลับไปหลายหน กรู….ผ่าตรูด 2 ครั้ง ผ่าคลอด 2 หน แต่ละหนหมอผ่าขาดกลางครึ่งตัวเลย ไม่บ่นซักคำ แล้วก็ยังไม่ตาย แค่ต้องโดนหมอเอากล้องเสียบตรูด (ไม่ใช่กล้อง DSLR หรือ กล้องส่องดูดาวซะหน่อย 555) แถมเค้าให้ดมยาสลบด้วย โอ้ยยยย… เบื่อ ตอนนี้ค่อยสบายหูไปหน่อย เพราะจบไปแล้ว แต่ก็ต้องขับรถบริการอยู่ 2-3 วันหลังจากทำเสร็จ ตามหมอสั่ง ขนาดตัวเองป่วยๆ ก็ยังต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี หรือ subservient wife  (ฟระ) เพราะเบื่อไม่อยากบ่น ไม่อยากทะเลาะกับ whining old man อดทน นับถอยหลัง ให้มันจบๆ เสร็จๆ ซะทีจะได้สบายหู เฮ้อออ…… 

page-671พ่อหยุดอยู่บ้านบ่อยๆ เด็กๆ เลยได้ออกไปไหนๆ บ่อย Eat-Out บ่อยและได้ของเล่นใหม่แทบทุกวัน

เอาวิธีปฏิบัติตัวก่อนทำ colonoscopy มาให้อ่านค่ะ ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดมีให้อ่านเยอะเลย กูเกิ้ลคำว่า colonoscopy ดูค่ะ

How to Prepare for the Colonoscopy Test

You will need to completely cleanse your intestines. Your health care provider will give you instructions for doing this. This may include a combination of enemas, not eating solid foods for 2 or 3 days before the test, and taking laxatives. You will usually be told to stop taking aspirin, ibuprofen, naproxen, or other blood-thinning medications for several days before the test.

You will be asked to drink plenty of clear liquids for 1 - 3 days before the test. Examples of clear liquids are:

  • Clean coffee or tea
  • Fat-free bouillon or broth
  • Gelatin
  • Sports drinks
  • Strained fruit juices
  • Water

Unless otherwise instructed, continue taking any regularly prescribed medication. Stop taking iron medications a few weeks before the test, unless your health care provider tells you otherwise. Iron can produce a dark black stool, which makes the view inside the bowel less clear.

Outpatients must plan to have someone take them home after the test, because they will be woozy and unable to drive.

page-667ก๊อตตี้เน่าๆ หลังเลิกเรียน และเด็กๆ ที่ร้านว๊าฟเฟิ่ลแสนโปรด อยากทำว๊าฟเฟิ่ลได้เจ๋งๆ แบบนั้นจังเลย กรอบนอก-นุ่มใน ซื้อกลับมาแช่ตู่เย็น 3-4 วัน เออใส่เตาติ๊งแป๊บนึง ออกมากรอบนอก-นุ่มใน หอมเหมือนใหม่สดจากร้านเลยค่ะ

หลังจากทำส่องกล้องลำไส้ใหญ่เสร็จ อีกสัปดาห์ต่อมาพี่แกก็ต้องไปทำ biopsy ตับ คราวนี้ก็โวยวายติดต่อกันหลายวันไม่หยุดเหมือนเดิม เบื่อฟังมากๆ (ที่เอามานินทา ไม่ใช่ไม่รักนะคะ รักอยู่แล้วววว….. จะบ้าบอคอแตกก็ต้องรัก เพราะเป็นคนหาเลี้ยง 5555) ที่บ่นมากมายเพราะเค้าไม่ได้วางยาสลบ แต่จะฉีดยาให้ชาบริเวณที่จะถูกเจาะเท่านั้น หมอจะใช้เข็มเจาะรูที่พุงกะทิแล้วก็ทำพิธีทิ่มแล้วดูดตับออกมา 2 ชิ้น (หลอด) เพื่อไปตรวจ คิดดูเอาเถิดคุณๆ คะ ไอ้เครื่องมือก็จิ๋วนึง ไม่ใช่มีดอีโต้ คงไม่เอาตับออกมาจนไปทำตับหวานตับย่างรับทานได้หรอก อีตานี่ก็บ่น กลัวตาย ทำมห้อิชั้นต้อง bluff กลับไปว่า นี่ๆๆๆๆ แกๆๆๆๆ ช้านนน…ต้องทำ Amniocentesis ตั้งสองครั้งสองคราตอนท้อง ไม่สลบ ไม่ฉีดยาชา ทิ่มกันสดๆ เข็มเท่าเข็มฉีดฟาย ดูดเอาของเหลวออกมาหลอดเบ้อเริ่มเทิ่ม พอเสร็จปุ๊บ-ปิด “ปั๊ดเต้อ” กันน้ำรั่วซึมเสร็จ กลับบ้านได้ อีพ่อบ้านก็บ่นๆๆ ว่าไอ้ที่เราถูกกระทำน่ะเล็กน้อย แต่เค้าจะมาเอาชิ้นตับไปนี่เรื่องใหญ่ ก่อนทำต้องงดยาบางชนิดประมาณ 1 สัปดาห์ มีข้อปฎิบัติไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ พอทำเสร็จก็ห้ามขับรถเหมือนเดิม ลางานอยู่บ้านก่อน-หลัง procedure เพราะกลัวตาย+ขี้เกียจ และชักติดใจที่ไม่ต้องไปทำงาน 555 พอข้ามคืนก็บ่นว่าปวดท้อง หมออู๋จัดยาให้ก็หายดี แต่ก็ยังนั่งคลำ นอนคลำ เดินคลำ ไอ้ปั๊ดเต้อที่เค้าปิดรูที่ถูกเจาะตลอดเวลา แผลกะติ๊ดนึง ไม่ต้องเย็บเลย ใจเสาะจริงๆ

page-672พ่อบ้านทำหน้าเหมือนเมา ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ดูด ไม่ดื่ม พากันไปดินเน่อร์ร้านหะรูหะรานิดๆ แถว Tower District เพราะได้ Voucher มาค่ะ ค๊อกเทลแก้วนั้นของอิชั้นค่ะ อร่อยและหนักดี เอสคาโก้ และ Basque ซีฟู้ดส์ซุป ก็ของอิชั้นค่ะ ลูกๆ และพ่อบ้านกินอะไรกันบ้างก็ไม่รู้ แม่มันมาวววววว….. ป่วยแล้วเมา หลับลึกดีนักแล…

การที่ต้องเอาเนื้อตับไปตรวจ (จากที่อ่านๆ มาค่ะ ไม่ได้เป็นหมอเด้อค่ะเด้อ แต่อยากจะมาสรุปให้อ่านได้เข้าใจง่ายๆ ค่ะ) วิธีการจริงๆ คือ เข็มขนาดใหญ่จะแทงเอาเนื้อตับแล้วตูดออกมา แล้วตับเป็นอวัยวะเพียงอย่างเดียวของมนุษย์ที่ heal ตัวเอง และงอกออกมาคืนขนาดเท่าเดิมได้ แต่ไม่ใช่ตับเสียมากๆ ทั้งยวงแบบมะเร็งนะคะ อันนั้นหมอต้องตัดส่วนที่เสียทิ้งไป หากเหลืออยู่ไม่มากร่างกายก็ฟังชั่นก์ไม่ดี ไม่เหลือเนื้อตับดีๆ มากพอให้สร้างเนื้อตับขึ้นมาใหม่ ต้องขอบริจาคมา implant ต่อไป ส่วนคนที่ให้บริจาคตับ หมอก็จะตัดไปเท่าที่ไม่ทำร้ายระบบร่างกายของผู้บริจาค หลังจากพักฟื้นไม่กี่วันก็สามารถกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ ส่วนตับก็จะค่อบๆ ทำการเยียวยาแผลที่ถูกตัดและเจริญเนื้อตับออกมาจนเท่าเดิมได้ภายในไม่กี่เดือนค่ะ

page-669ก๊อตตี้ดื้อๆ ซนๆ ที่โรงพยาบาลตอนรอให้หมอล้วงตับพ่ออยู่ค่ะ ได้ Red Velvet Cupcake มาช่วยกู้ภัยลดความซนนิดนึงค่ะ

เอาวิธีปฏิบัติตัวก่อนทำ liver biopsy มาให้อ่านด้วยค่ะ ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดมีให้อ่านเยอะเลย กูเกิ้ลคำว่า liver biopsy ดูค่ะ

How does a person prepare for a liver biopsy?

At least 1 week before a scheduled liver biopsy, patients should inform their doctor of all medications they are taking. Patients may be asked to temporarily stop taking medications that affect blood clotting or interact with sedatives, which are sometimes given during a liver biopsy.

Medications that may be restricted before and after a liver biopsy include

  • nonsteroidal anti-inflammatory drugs, such as aspirin, ibuprofen, and naproxen
  • blood thinners
  • high blood pressure medication
  • diabetes medications
  • antidepressants
  • antibiotics
  • asthma medications
  • dietary supplements

Prior to liver biopsy, blood will be drawn to determine its ability to clot. People with severe liver disease often have blood clotting problems that can increase the risk of bleeding after the procedure. A medicine given just before a liver biopsy, called clotting factor concentrates, reduces the risk of bleeding in patients with blood clotting abnormalities.

Patients who will be sedated should not eat or drink for 8 hours before the liver biopsy and should arrange a ride home, as driving is prohibited for 12 hours after the procedure. Mild sedation is sometimes used during liver biopsy to help patients stay relaxed. Unlike general anesthesia where patients are unconscious, patients can communicate while sedated but then often have no memory of the procedure. Sedatives are often given through an intravenous (IV) tube placed in a vein. The IV can also be used to give pain medication, if necessary, after the procedure.

liver-biopsy

หลังจากพ่อบ้านต้องเข้าออกโรงพยาบาลติดๆ กัน ต้องลางานอยู่บ้านหลายวัน มันช่างประหลาดๆ ค่ะ เพราะปกติพ่อบ้านใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าอยู่บ้าน พอพี่แกต้องมาเดินเกะกะเพ่นพ่านในบ้านติดต่อกันทีละหลายๆ วัน มันแปลกๆ จะทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาอิชั้นไปหมด เหมือนโดนปล้นพื้นที่ในบ้าน territory entrapment ทีวีก็แย่งกันดู หนีไปดูในห้องนอน ก็ตามไปเปลี่ยนช่อง นอนดูขวางโลก ให้หงุดหงิด แต่ไม่อยากอาละวาด พยายามบอกตัวเอง be happy นานๆ จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงติดกันหลายๆ วัน แต่.. แอร๊กกกกก…… ไม่ไหวค่ะ พอนึกอย่างมีเหตุผลแบบไม่เข้าข้างตัวเอง คำตอบคือ อิชั้นอาจจะกำลังถูก menopause attacks อะไรๆ เลยดูไม่ถูกใจไปหมด หงุดหงิดง่าย แล้วอิชั้นก็ป่วยๆๆๆ ไม่สบายเนื้อสบายตัว เลยพาลให้ไม่สบายใจ ปวดหัว ปวดตา ไม่อยากขับรถไกลๆ พอถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน พี่แกก็โทรไปลางานเพิ่มอีก 2 วัน อ้าว..เว้ย..เฮ้ย..อารายว้าาาา……

page-670เด็กๆ เจริญอาหารที่ IHOP - International House of Pancakes แม่ไม่สบาย พ่ออยู่บ้าน โห่กันไป IHOP หลายหนเลยค่ะ เพราะเป็นช่วงที่ Kids Eat Free พอดี เลยราคาน่าร๊ากกกก……

พอพ่อบ้านหยุดอยู่บ้านในขณะที่ลูกๆ ไปโรงเรียน มันก็มีดีอยู่บ้าง คือ พ่อบ้านไปรับลูกๆ ให้ (แต่ไม่ยอมไปส่งให้หรอกนะคะ ให้อีตาคนนี้ตื่นเช้า เหมือนให้ไปตาย เผลอๆ มีศึก) ใช้ไปซื้อกับข้าวกับปลาได้บ้าง แค่นั้นจริงๆ 555 จากที่ตั้งใจจะมาบ่นเรื่องป่วยๆ ไข้ๆ กลายเป็นมานินทาพ่อบ้าน 555 แล้วก็เล่าเรื่อง “สะพรึง” เล็กๆ 555

 page-675

IHOP อีกแล้ว งานนี้ก๊อตตี้โดนพ่อดุเพราะซนและวุ่นวายเหลือเกิน ตอนนั่งอยู่กับแม่ยิ้มแย้มแป้นแล้นเชียว พอพ่อย้ายสลับไปนั่ง 555 ก๊อตตี้กินแพนเค้กเคล้าน้ำตา 55555 สมน้ำหน้ามากกกก…..

กลับมาที่อิชั้นกับลูกๆ งานนี้ buffy รอมมี่ ไม่ป่วยค่ะ มีขี้มูกยืดกับไอนิดหน่อย เมื่ออาทิตย์ก่อนอิชั้นก็เริ่มไออีก คราวนี้งอมหนักกว่าเดิม ทุกข์จริงๆ ค่ะ จัดหายากินเอง จนเชื้อโรคดื้อยาแหละ พอวันอาทิตย์ตื่นมาขี้ตาเกรอะกรัง แดงกล่ำ น่ากลัวมาก จัดการแล่นไปวอลมาร์ทซื้อยาหยอดตาสำหรับโรคตาแดง หมั่นหยอดทั้งวัน ก็ไม่ทุเลา เลยนึกถึงยาแก้อักเสบที่มีเก็บไว้ (ไม่ได้เอาออกมากินก่อนหน้านี้เพราะหวัดเกิดจากแบคทีเรีย กินไปก็เสียเปลาค่ะ) เอาออกมาจัดการซะ เผื่อจะช่วยเรื่องเชื้อโรคตาแดง-ตาอักเสบให้ทุเราได้บ้าง พอเช้าวันจันทร์ออกไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จก็เลยไปโรลพยาบาลดพื่อทำนัดหมอ หมอก็คิวเต็ม เจ้าหน้าที่ก็บอกมานั่งรอ walk-in ละกัน (ไม่โทรไปทำนัดเพราะมีบทเรียนกับบริการหน้าเคาน์เต้อร์ รพ. นี้ “ห่วย+ขี้เกียจ+negligence” แบบได้โล่ห์ เยสๆๆๆ โอเค.. โอเค.. พอเรา show-up ไม่มีนัด-เนิ๊ดอะไรเลย ไปนั่งรอเงกแบบพวก walk-in เลยต้องไปทำนัดแบบ “ตาต่อตา” ค่ะ) เช้าวันอังคารก็บึ่งไปแต่เช้าหลังจากส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ โหยยยย….. คนเต็มเลย ทำใจไว้ก่อนเลยว่าต้องนั่งจนรากงอกแน่ เลยไปนั่งจอหน้าทีวี กะดูทีวีแห้เซ็ง แต่ผิดคาดรอไม่นานเลยค่ะ (30 นาทีได้) พอเข้าไปรอในห้องตรวจก็ไม่นานอีก ฟลุ๊คมากๆ น้องหมอ Karl ทักทายเหมือนเพื่อนสนิท ปึ๊งแฟ้มประวัติก็ไม่เอาเข้ามา ส่องจมูก คอ แหกหู แหกตา ตรวจแป๊บๆ ก็เสร็จ บอกว่าอิชั้นเป็น Allergy Attack แบบ servere จะมา อัลเลอ“จ้ง-จี้” อะไร กินยาภูมิแพ้ทุกวัน เฮ้อออออ….

page-674ช่วงที่แม่ไม่สบายนอนซม บางวีคเอนด์ก็ได้ Eva กับแฟนหนุ่มพาเด็กๆ ไปพาร์คมั่ง ไปเลคมั่ง ดีกว่านอนดูโทรทัศน์ทั้งวัน

มันต้องไม่ใครก็ใคร (บักหมอคาร์ลหรืออิชั้น) ที่ misdiagnosed พอเจอหมออิชั้นก็บอกแบบผู้ (อวด) รู้ว่า อิชั้นเป็น super bad cold & cough เป็นๆ หายๆ มากว่าเดือน พอเมื่อไม่กี่วันก็ดันเป็น pink eyes อีก อีหมอคานก็บอก ตายังแดงอยู่มาก แต่น่าจะไม่ใช่โรคตาชมพู 5555 ฝรั่งตั้งชื่อโรคได้น่ารักดีเน๊าะ เอายาไปหยอดละกัน แล้วอาการภูมิแพ้ก็น่าห่วงมาก เดี๋ยวให้พยาบาลมาฉีดยาให้นะ อยากให้เปลี่ยนยาแก้ภูมิแพ้เป็นแบบ super extremely strong allergy medicine นะ (โห…จะอะไรกันนักกันหนา ตอนนี้ก็กินยาวันละเป็นกำๆ คงจะต้องตายเพราะยาละมั๊งตรู ยังจะมาให้กินค่อตพ่อค่อตแม่ antihistamine เบื่อว่ะ) แล้วก็เปิดแน่บออกไป ซักพักพยาบาลเข้ามากับเข็มฉีดยา 1 หลอดในถาดเล็กๆ ก่อนจะฉีดก็ให้อิชั้นเซ็นยินยอมถึงรู้ว่าใน syringe เล็กๆ หลอดนั้นเป็น cocktail ของยา 2 ชนิด (จำชื่อไม่ได้ แหะๆ) พอพยาบาลบอกให้นอนคว่ำเพราะจะฉีดที่ก้น อิชั้นก็ถามไปว่ายาในหลอดนั้นมีอะไรที่เป็น sulfa group หรือปล่าว If “YES”… call ambulance, I need to go straight to ER pretty quick. เธอก็อึกอัก-ขอตัววิ่งไปถามหมอ พอกลับเข้ามาก็บอกว่าปลอดภัย Nothing is Sulfa! จัดการทิ่มฉึก จบ เสร็จ ได้ใบสั่งยา อีหมอคานโผล่หน้ามา Happy Mother’s Day, Bye! Oh….I need to see you in 2 months. I'll let the staff know you need be here for your follow-up appointment. Bye Darling! แว๊ก 555 มันเป็นตุ๊ดแหงๆ เลย ยิ่งเจอยิ่งตุ้งติ้ง 5555 น่าร๊ากกกกก……

page-666ยาที่ได้มาล๊อตล่าสุด กับกองยาที่ขนกินเข้าไป จริงๆ มีอีก 2-3 กล่องที่กินไปหมดไม่เหลือซากให้ถ่ายรูป NyQuil ที่เห็นในรูปเป็นขวดที่ 2 ถ้าถ่ายรูปตั้งๆ ก็จะเห็นได้ว่าเหลืออีกแค่ “กรึ๊บ” เดียว ยาอมหมดไป 3 กล่อง เปิดเครื่อง steam warm mist ทั้งวันทั้งคืน

พอออกจากโรงบาลก็แจ้นไป CVS ซื้อหายาตามใบสั่ง (ปกติต้องไปซื้อยาที่ Target เฟสโน่นู้นนนน…. แต่ป่วยหนักแล้วน้ำมันก็แพงโคตร เลยต้องไปซื้อที่ CVS ซึ่งอิชั้นเคยฟาดหัวฟาดหางไว้ที่นั่นอยู่หลายหน 555 เสียฟอร์มน่าดู แต่โชคดีที่พวกเทคนีเชี่ยนหน้าใหม่ๆ ทั้งหมดเลย) รออยู่ไม่นานก็ได้ยามา ทั้งๆ หมด 4 อย่าง จ่ายไป $74.79 มียากินแก้โรคภูมิแพ้ 30 เม็ด ยา Vicodin 30 เม็ด แล้วยาหยอดตา 2 ขวดจิ๋วๆ อันนึงเป็นยาแก้แพ้ อีกอันเป็นยาหยอดแก้ตาอักเสบ ยังไงวะ ไหนบอกว่าไม่ใช่ตาแดง แล้วจ่ายมาทำไมเนี่ย พวกหมอๆ ก็ต้อง “save their asses” เป็นธรรมดา คนไข้บ้านนี้เมืองนี้ก็เลยถูกรักษาแบบ over treatment ดีนะว่าไอ้ยานั่นหลอดไม่ถึง 2 เหรียญ คือประกันคัฟเว่อร์เกือบหมด แต่ไอ้ยาหยอดแก้แพ้นั่นหลอดตั้ง 22 เหรียญ (แค่ 20% ของราคาจริงนะคะ ฮึ่ม) ส่วนที่แพงที่สุดคือไวโคดีน (“ฝิ่น” ตามใบสั่งอย่างถูกกฏหมายของอิชั้น 555) 30 เม็ด $39.98 ถ้าเป็น generic ก็ประมาณ $4 for 30 tablets อิชั้นต้อง “เสพ” ยาตัวนี้ประมาณเดือนละ 5-6 เม็ด เวลาที่ปวดท้องปริศนา (ไม่มีหมอคนไหนหาสาเหตุเจอมากว่า 40 ปี 555 ถึงเรียกว่า “ปวดปริศนา” 555) ไอ้ 30 เม็ดที่ได้มา-อยู่ได้หลายเดือนค่ะ อิชั้นไม่ติดยานี้นะคะ แต่ยานี้ช่วยได้มากเวลาปวดปางตายแบบอิชั้น เคยใช้แบบ generic เพราะงก แต่มันไม่เห็นผล เหมือนกิน Tylenol ยังไงอย่างงั้น เวลากินยาตัวนี้เข้าไป พอยา kick ปุ๊บ จะรู้สึกแปลกๆ อธิบายยาก ง่วงๆ เหมือนอยู่ในวังวน twilight zone 5555 บางทีรู้สึกคลื่นไส้ ถ้านอนก็ “หลับปุ๋ย” สบายเชียวค่ะ ถ้ากินตอนขับรถ (อิชั้นทำบ่อยๆ เพราะความจำเป็น) อึ๋ย กึ๋ย น่ากลัวค่ะ เพราะเบลอๆ ลอยๆ เบาๆ แต่ไม่ยักง่วง จบเรื่องยาบ้าดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนๆ จะอยากลอง 5555

Vicodin เป็นยาบรรเทาอาการปวด เป็นยาผสมระหว่าง ยาเสพติดที่ใช้บรรเทาอาการปวด (Narcotic analgesics) กับยาแก้ปวด ลดไข้ กลุ่ม Acetaminophen (Paracetamol) ยานี้มีคุณสมบัติ เมื่อใช้เป็นประจำ และบ่อยครั้ง จะทำให้ติดยา และต้องเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติ Vicodin ใช้เรียกแทนสาร Hydrocodone ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฝิ่น (Opiate antagonist) มีสูตรทางเคมีคือ C18 H21 NO3 ในประเทศ สหรัฐอเมริกา จัดให้ สารนี้ เป็นสารควบคุม ตามกฎหมายของ Control Substance Act โดยจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 (Schedule II ) ซึ่งสารอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ morphine, cocaine, methamphetamine (ยาบ้า) และ Methadone เป็นต้น ซึ่งในประเทศไทย กำหนด ให้เป็นยาเสพติด ประเภท 2 (ประกาศกระทรวง สาธารณสุขฉบับที่ 135 พ.ศ. 2539) ในประเทศ สหรัฐอเมริกา การซื้อ vicodin ต้องใช้ ใบสั่งแพทย์ เพื่อให้มีการดูแล การใช้ อย่างใกล้ชิด แต่ พบว่ามีการขายอย่างแพร่หลายทาง e-commerce โดยมีชื่อการค้าต่างๆ กัน

http://www.dmsc.moph.go.th/chiangmai/hotissue04.htm

page-668วีคเอนด์ที่ค่อยยังชั่วก็ทอดกล้วยหอมให้ลูกผัวกินกันอร่อย เอา New York สเต๊กที่เหลือมาจาก Eat Out เอามา หั่น โยนใส่เตาติ๊ง แล้วทำยำเนื้อรสแซ่บทานกับพ่อบ้าน  (ในรูปยังไม่ได้เอาไปอบค่ะ) ส่วนพ่อบ้านก็ทำสปาเก๊ตตี้มีทซ๊อส signature ของพี่แก  ทำหม้อใหญ่เลย  กินกันได้หลายวันMeaty มากๆ ชามที่เห็นในรูปเป็นของอิชั้น ที่จานเลอะๆ เพราะเป็นรอบที่สอง ทานกับมะกอกดำ    อืมมม….หย่อย

เลิกพูดเรื่องยาดีกว่า จากนี้ก็ภาวนาให้หายป่วยเร็วๆ ไม่สบายแบบนี้นานๆ มันเหนื่อยค่ะ และสงสารลูกด้วย เหมือนลูกๆ ถูกทิ้ง เวลาแม่ไม่สบายก็มานอนกองดูทีวีบนเตียงแม่ เลยจะพาลป่วยกันไป ป่วยกันมา ไม่มีวันจบ นี่กะว่าตาหายแดงซักนิดจะพาลูกๆ ไปว่ายน้ำค่ะ และอิชั้นจะกลับเข้า gym อย่างจริงๆ จังๆ เสียที เสียดายตังค์ค่าสมาชิกค่ะ ปีละหลายอยู่ (กลัวผัวด่าด้วย 5555 โน๊…โน่… ปล่าวกลัว ….เกรงใจคนจ่ายตังค์ตะหาก 5555)

All happy families resemble one another,

each unhappy family is unhappy in its own way.

2725626745_2a599f90c5