Sunday, November 29, 2009

Happy Thanksgiving ย้อนหลัง

มาแล้ว มาแล้ว มาแร้วววววววววว… ยังเหนื่อยๆ เซ็งๆ อยู่ค่ะ จะมาเล่าเรื่องวุ่นๆ ยุ่งๆ ช่วงเทศกาลแต๊งส์กีฟวิ่งให้ฟัง เอาเป็นฉากๆ เลยเน๊าะ

เริ่มจาก วันศุกร์ (20) ขณะที่กำลังวุ่นวายเตรียมตัวออกไปรับอาหารเพื่อไปส่งให้อีซะมีที่ที่ทำงาน ไอ้ตี้วิ่งๆๆๆ (มันเดินไม่เป็น เวลาวิ่งก็ฟูลสปีดด้วยนะ) แล้วไปลื่นหัวฟาดพื้นอย่างแรง พื้นตรง Hallway เป็นพื้นกระเบื้องด้วยสิ เป็นเพราะไอ้ตี้เองแหละ มันชอบไปกดชักโครกเล่น ดึงกระดาษเช็ดตูดโยนใส่โถส้วมแล้วก็กด ทำอยู่อย่างนั้นจนหมดม้วนมันถึงจะเลิก โดนตีไม่รู้เท่าไหร่…ก็ไม่เข็ด แล้วไอ้ส้วมบ้าเนี่ยก็ชอบค้าง ถ้าไม่มีใครรู้ใครเห็นไปยกฝาออกแล้วปลดลูกลอยที่พับค้างอยู่ น้ำก็จะไหลอยู่ในถังไม่หยุด บ่นๆๆ ซ่อมเองบ้างแล้วก็พอโอเค แม่กับพี่ใช้ได้ไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ไอ้ตี้ชอบกดแล้วกดค้างเอาไว้ ตานี้ไม่รู้มันไปเล่นกดส้วมนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่…คงนานมากแหละ เพราะน้ำไหลท่วมถ้นล้นถัง (ถังนะคะไม่ใช่โถ…น้ำสะอาด…ไม่แหวะๆ) น้ำนองท่วมเข้าไปทุกห้อง พรมแต่ละห้องที่ใกล้ๆ ประตูเปียกปอนหมด

ตอนที่ไอ้ตี้ลื่นล้ม หัวด้านหลังตรงทุยๆ น่ะ ฟาดลงที่พื้นอย่างแรง มันร้องกรี๊ด อิแม่ก็มือไม้สั่น ลูกร้องเพราะเจ็บปวดไม่ใช่งอแงงี่เง่า ถ้าร้องแบบนั้นรู้แกวกันดีอยู่แล้ว รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก เช็ดหัวเช็ดหู โห….. มันแดงม่วงเป็นวงใหญ่เลยตรงที่ฟาดลงกับพื้น แต่ไม่ปูดโน กลัวว่าจะเป็น concussion กับข้าวก็ต้องไปรับ-ไปส่งอีก ลูกก็เจ็บอีก อยากตายยยย… ก็รีบแหกไปรับกับข้าวซะให้เสร็จๆ พอส่งกันเสร็จ ก็ไม่พูดไม่จาห้อไปโรงบาลเด็กเลย 30 ไมล์ แม่ขับแค่อึดใจเดียว ให้พี่มันพยายามชวนน้องคุยตลอด ไอ้ดื้อก็อยากจะหลับ ชักเงียบๆ เครียดๆๆๆๆ

พอถึงโรงบาล (ไม่อยากไปเล้ย…ให้ตายสิ เพราะแถวๆ นี้มีเด็กเป็น swine flu –H1N1 กันอยู่ไม่น้อย เฮ้อ….) ก็รอไม่นาน พยาบาลก็เรียกเข้าไปซักถามอาการ เจ้าหน้าที่อีกคนซักถามเรื่องประกันและการชำระเงิน แล้วก็ออกมานั่งรอ คราวนี้รอเง่กกกก…. ไปอีกเกือบชั่วโมง เค้าก็มาอันเชิญเข้าไปรอในห้องตรวจ รอกันอีกเป็นชั่วโมง หมอเข้ามาก็ตรวจถี่ถ้วนดี แล้วบอกว่าไม่อยากทำ MRI เพราะยังเล็กนัก รังสีที่ใช้มันเยอะ แต่ถ้าหากจำเป็นก็จะต้องทำ อยากให้รอดูอาการคืนนี้ก่อน เค้าก็เช็คหู หัว จมูก ปาก ไม่มีเลือดไหล หัวไม่โน แต่รอยแดงช้ำชัดเจน หมอยังบอกว่าถ้ามันเป็น concussion คงไม่ดื้อซนร่าเริงอย่างตอนที่เค้าตรวจหรอก แล้วไอ้ตี้ก็เกิดตัวอุ่นๆ หมอก็สั่งให้พยาบาลเอายามาป้อน มันถ่มถุยซะ เรียกว่าเข้าถึงท้องมันไม่ถึง 1 ใน 4 เรื่องป้อนยาไอ้ตี้นี่ ต้องบอกว่า โคตรยากเลย ไม่เหมือนรอมมี่ตอนเล็กๆ ง่ายดาย น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ มามีฤทธิ์ก็ตอนโต แหงะ

page-484

สรุปว่าหมอนิมนต์ให้กลับบ้านกัน สั่งกำชับให้จับตาดูมันเยอะแยะ ไปดูตรง Emergency signs ข้างล่างโน่นเลยค่ะ ก็บอกถ้ามันร้องเพราะปวดหัวแบบไม่เลิกไม่หยุด อ้วก ม่านตาดูไม่ปกติ เบลอๆ เอ๋อๆ ก็ให้รีบพากลับมาโรงบาล ถ้ามันหลับก็ให้หลับไป แต่คอยปลุกทุกๆ 2 ชั่วโมง ดูว่ามัน disorient หรือป่าว หากมีอะไรดูไม่ชอบมาพากลก็ให้กลับไปโรงบาล รอเค้าทำตามลำดับ พยาบาลก็เอารีลีสฟอร์มมาให้ ใช้เวลานั่งรออย่างบ้าคลั่งที่โรงบาลนานเป็นปกติ เราไปถึงโรงบาลกันประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ กลับถึงบ้านก็เที่ยงคืนพอดีๆ อิพ่อมันก็โทรเข้ามือถือทุกๆ 15 นาทีเลยเชียว

Concussion

A concussion is a brain injury that may result in a bad headache. altered levels of alertness, or unconsciousness.

Symptoms

A concussion results from a significant blow to the head. Symptoms can range from mild to severe. They can include:

  • Headache
  • Altered level of consciousness (drowsy, hard to arouse, or similar changes)
  • Loss of consciousness
  • Memory loss (amnesia) of events surrounding the injury

Emergency signs:

  • Changes in alertness and consciousness
  • Convulsions
  • Muscle weakness on one or both sides
  • Persistent confusion
  • Persistent unconsciousness (coma)
  • Repeated vomiting
  • Unequal pupils
  • Unusual eye movements
  • Walking problems

พอกลับถึงบ้านก็แบกลูกฝ่าความหนาวเหน็บเข้าบ้านเพราะมันหลับคร่อกอยู่ (ระยะนี้อากาศเย็นมากแล้ว กลางวันก็ประมาณ 50-60°F กลางคืนก็ 30-35°F) นั่งเฝ้ากันไป จนรุ่งเช้า มันก็ตื่นมาดื้อซนได้ตามปกติ แต่ความห่วงและกังวลไม่ได้ลดลงเลยแหละ รอยช้ำก็ยังชัดเจนอยู่ พอตกค่ำ (วันเสาร์ 21) อยู่ๆ ไอ้ตี้ก็มีเลือดกำเดาพรั่งพรูออกมา มากกกกกก…. มากมายกว่าปกติเยอะ ไหลอยู่นานมาก ทำยังไงก็ไม่หยุด เอาถุงโคลแพ๊คประคบ ทิชชู่แดงเทือกเต็มพื้น เสื้อผ้าทั้งของแม่ของลูกเปื้อนไปหมด แต่ซักพักใหญ่ๆ ก็หายไป โทรไปโรงบาลเด็กอีก ว่าเอาไงดี คำตอบคือ “แล้วแต่” ถ้าวอรี่ก็เอากลับมาให้หมอตรวจดู เป็นคำตอบที่เทรนมาให้เซฟตัวเองเซฟโรงบาลใช่ป่าว… ไอ้วอรี่น่ะวอรี่อยู่แล้ว ก็เลยบอกไปว่า เดี๋ยวกุขอสังเกตอาการลูกกุอีกซัก 1 ชั่วโมง ถ้าดูโอเค ก็ไม่พาไป ก็..เออๆๆๆ…จบ สุดท้ายก็ไม่ได้พาไป แต่แม่กับพ่อก็จ้องหน้ากันแบบ… เราตัดสินใจถูกหรือป่าววะ ไม่อยากจะมา regret กันที่หลัง แต่ก็ดูกันไปก่อนละกัน ไอ้ตี้ก็ดื้อซนได้ตามปกติในวันต่อๆ มา พอวันอาทิตย์ (22) ก็ต้องพาอิรอมไปส่งบ้านย่า เพราะมันจะไปแต๊งส์กีฟวิ่งกะอีแวว (Valerie - น้องซะมี) ที่บ้านบนเขา Pine Mountain Lake ได้ข่าวว่าสโนว์แล้ว จริงๆ ก็ไม่อยากให้ไป เพราะรอมมี่โตแล้ว เรียกหาให้ช่วยหยิบจับอะไรได้เยอะแล้ว น้องไม่ค่อยสบายแบบนี้ด้วยสิ แต่จะไปก็ไป เพราะเห็นว่าวางแผนกันนานแล้ว

พอรุ่งเช้าวันจันทร์ (23)อิชั้นก็ต้องไปทำ CT Scan ตรวจคุณมดของอิชั้นด้วย โอ้ยยย…ประสบการณ์ใหม่ เรื่องเยอะ เดี๋ยวไว้เขียนเป็นเรื่องเดี่ยวๆ ให้อ่านที่หลังละกันนะคะ

อิชั้นกับไอ้ตี้ก็อยู่โยงที่บ้านกัน 2 คน เพราะอิพ่อมันทำงานทุกวัน พอเที่ยงคืนวันพุธ (25) ไอ้ตี้ก็เริ่มอ้วก ลูกดูเงียบๆ ซึมๆ มาตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ดีๆ ดื้อๆ แหละ คิดว่าลูกเงียบๆ ไป เพราะเหงา-พี่ไม่อยู่บ้าน ไม่ได้รบราฆ่าแกงกับพี่ จากที่มันเป็นคนกินยาก กลายเป็นไม่ยอมกินอะไรทั้งวัน พอกินอะไรก็อ้วก ไข้ก็ไม่มี อิชั้นก็ทุรนทุราย อยากจะบ้า รออิซะมีกลับถึงบ้าน ก็ค่อยอุ่นใจนิดนึง (นิดนึงจริงๆ นะ เพราะอิบ้านี่ไม่ช่วยอะไรมากหรอก ก็แค่รับฟัง อยู่ใกล้ๆ พอให้อุ่นใจ นั่งเฝ้าลูก ช่วยหยิบโน่นนี่บ้าง ก็แค่นั้น) ไอ้ตี้ก็อ้วกไม่หยุด กลัวลูกจะ dehydrate พยายามให้ลูกดื่ม 7-up บ้าง น้ำบ้าง เป็นว่าดื่มอะไรก็พุ่งออกมาหมด แล้วเวลาอ้วกก็แบบพุ่งเลยนะ น่ากลัวมากๆ ดูแลกันจนตี 4 อิชั้นก็แบบ ไม่ไหวแล้ว จะพาลูกไปโรงบาล อิพ่อมันก็ไปไม่ได้อีก เพราะต้องไปทำงาน เลยโยนลูกใส่รถห้อไปโรงบาลกัน 2 คน ขับรถไปโรงบาลเป็นเรื่องที่เชี่ยวชาญพอใช้แหละ แต่มันจะเป็น 15-16 ไมล์บนฟรีเวย์ ซึ่งรถมีไม่มาก เพราะเป็นเช้าตรู่ของแต๊งส์กีฟวิ่ง พอออกจากฟรีเวย์มันเป็นเรือกสวนไร่นาไปอีก 13 ไมล์เลยนะ ไม่มีไฟ เป็นถนน 2 เลนเล็กๆ รถสวนไปมา มืดตื๋อ จะบอกว่า ตลอด 13 ไมล์ ไม่มีรถสวน ไม่มีรถนำหน้า ไม่มีรถตามหลังเลย โดดเดี่ยวโด่เด่ ไม่เคยรู้สึกกลัว แต่คืนนั้นมันรู้สึกวังเวง สยอง เสียวสันหลังชอบกล มันมืดดดด…. มาก สุดท้ายก็ถึงโรงบาลโดยปลอดภัย รอๆๆๆ รอข้างนอก รอข้างใน รอๆๆๆ ตามปกติ ไปถึงประมาณ ตี 4 ครึ่ง หมอเชี่ยนั่นเข้ามาเกือบ 6 โมง (วันที่ 26 แต๊งส์กีฟวิ่งแล้วนะ) เราก็พยายามยามจะอธิบายว่ามีไรๆๆ เกิดขึ้นบ้าง จากวันศุกร์ เชื่อมั๊ยคะ มันไม่ฟังเลยค่ะ จับลูกดูโน่นนี่ 30 วินาทีแล้วก็เดินพรวดออกไป แล้วชะโงกหน้ากลับเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวให้พยาบาลเอายาแก้อ้วกมาให้กิน แล้วก็ไม่ได้เห็นหน้าไอ้หมอเชี่ยนั่นอีกเลย

page-485

นั่งรอเง่กกกกก…. กันต่อไป ไอ้ตี้ก็ชักดื้อซนมากมาย แม่มันก็ง่วง เพราะไม่ได้หลับได้นอนเต็มๆ อิ่มมาหลายวันแระ พอใกล้ๆ เจ็ดโมงอีพยาบาลคนแรกก็เข้ามา เอายาที่ไอ้หมอเฮงซวยบอกมาป้อน เป็นยาเม็ดเล็กๆ เค้าเอามาใส่กระพุ้งแก้มมัน แล้วก็เอานิ้วถูๆ บดๆ ให้ละลาย ไอ้ตี้ก็นั่งนิ่งให้เค้าทำอย่างง่ายดายซะงั้น แล้วอีนังพยาบาลก็บอกว่า มันจะออกกะแล้วนะ เดี๋ยวพยาบาลคนใหม่ก็จะมาดูแลเราต่อ ตายห่าสิ เปลี่ยนกะกันทีก็อีกเป็นชาติ กว่าพวกคุณเธอ เทอๆๆๆๆ จะเข้าร่องเข้ารอย เลยถามไปแล้วยังไงเนี่ย หมอสั่งยา หรือให้รอ ทำอะไรยังไงกันต่อ มันตอบว่า ไม่รู้สิ รอพยาบาลคนใหม่ละกัน แล้วยานี้ก็ให้รออาการไปอีกประมาณ 30 นาที ก็ไม่รู้จะว่าไงแหละ นั่งเซ็งต่อไป จนเกือบ 8 โมงเช้า ก็มีพยาบาลคนใหม่มาแนะนำตัว แล้วก็ถามว่าลูกอ้วกอีกมั๊ย ก็บอกไปว่า..ไม่แล้ว เธอก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวไปบอกหมอ หมอว่าไงเดี๋ยวจะมารายงานผล ซักพักใหญ่ๆ เกือบ 30 นาทีได้ ไปนานเชียวอี-5 แล้วก็กลับมาบอกว่า หมอให้กลับบ้านได้แล้วนะ แต่เดี๋ยวไปเอา release form ก่อน แล้วมันก็หายไปอีกนานมากกก…. กว่าจะพริ๊นต์เอกสารออกมาได้ มันยากเย็นมากหรือไงเน๊าะ สุดท้ายมันก็มา อธิบายว่าต้องทำโน่นนี่ ห้ามลูกกินอะไรนอกจาก clear liquid ไปอีก 24 ชั่วโมง สรุปว่าไม่ได้เจอไอ้หมอคนมาเปลี่ยนเวรใหม่ด้วย แต่ก็รีบแจ้นกลับบ้านแหละ ไม่รู้บิลจะออกมากี่ร้อยแหละ จริงๆ มันเป็นพัน เพราะ 2 ER visits แต่ co-pay 20% ไม่อยากคิดอะไรแล้ว กลับบ้านดีกว่า อิชั้นยังมีภารกิจใหญ่รออยู่ซะด้วย บึ่งกลับบ้านอย่างรีบด่วน ถึงบ้านก็ 9 โมงครึ่ง แบกลูกที่หลับอยู่เข้าบ้าน พอวางลูกลง อิชั้นก็ต้องแจ้นตูดแป้นออกจากบ้านอีก

ภารกิจที่ว่าก็คือ อิชั้นต้องทำอาหารสำหรับ Thanksgiving Dinner ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อิชั้นต้องทำอาหารประเพณีฝรั่งตามแบบฉบับของฝรั่ง แต๊งส์กีฟวิ่งปีแรกๆ ที่นี่ ก็จะโห่ไปรวมตัวกันที่บ้านยายของสามี คนโน้นทำไก่งวง คนนี้ทำแฮม คนนี้เอานั่นนี่ไป ฯลฯ ก็บอกๆ ตกลงกันว่าใครจะทำอะไร เอาอะไรไป ส่วนใหญ่ครอบครัวเราจะอาสาซื้อพัมพ์กิ้นพาย หนมปัง-ดินเน่อร์โรล สลัด และเครื่องดื่ม พอยายทวด “โนน่า” ลาโลกไป ครอบครัวนี้ก็รวมตัวกันไม่ติด ก็แยกย้ายกันไป “แต๊งส์” บ้านใครบ้านมัน กัดกัน ดีกัน อิชั้นไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวยังโดนลูกหลงบ่อยๆ 2-3 ปีให้หลังเราฝากท้องแต๊งส์กีฟวิ่งดินเน่อร์ให้เป็นธุระของ Boston Market พอใกล้ๆ วันก็ไปสั่งไปจ่ายตังค์แล้วก็ไปรับอาหารตอนเที่ยงๆ ในวัน “แต๊งส์” นั่นเลย อาหารก็จะมาแบบอุ่นๆ ถึงบ้านก็อุ่นอีกหน่อย รับทานกันได้เลย สะดวกดี ทุกครั้งเราจะสั่งแฮมดินเน่อร์ + ไก่ดินเน่อร์ ไม่ใช่ไก่งวง นะคะ ไก่หมุนธรรมดาๆ จากร้านเค้านั่นแหละ พอมาปีนี้อินังซะมีก็เกิดอยากทำให้ครบๆ อยากให้อิชั้นทำไก่งวง หาาา….ไก่งวงเหรอวะ ตายห่า ไม่เคยศึกษาสตั๊ดดี้เลยแหละว่าเค้าทำยังไงกัน แต่เป็นคนหัวดีอยู่บ้าง กุไม่ทำร๊อก เดี๋ยวไปซื้อเค้าให้เสร็จๆ ไปเลย 5555 แต่จะให้ไปสั่งร้านดังแบบ Marie Callender's ก็แพงโคตรๆ Turkey Dinner ก็ร้อยต้นๆ Ham Dinner อีก 95 เหรียญ แล้วมีอิชั้นกะไอ้ตี้แค่ 2 คนนะที่อยู่บ้าน อิแด้ดดี้ต้องไปทำงานทุกวันไม่มีหยุดเพราะอยู่ในซี่ซั่น ก็สืบเสาะเปรียบเทียบหลายร้านหลายราคา มาเจอไอ้ซุปเป้อร์มาเก๊ตใกล้ๆ บ้าน ราคาไม่โหดเท่าไหร่ ชุดไก่งวงแค่ 49.99 ตอนไปสั่งก็ถามเค้าแบบคนบ้า “ย้ำคิดย้ำทำ” ปรุงสุกเลยใช่มั๊ย ปรุงสุกเลยใช่ป่าว แด๊กได้เลยแน่นะ อิคนขายก็จ้องหน้าแบบ อึ้ม….. 555 แล้วก็ตอบว่า เยส..แม่ม 555 Everything’s fully cooked just warm them up…ready to eat! เออ ดี ก็จ่ายตังค์ไป แล้วก็บอกเดี่ยวจะมารับเช้าวันแต๊งส์ฯ เลยนะ คุณๆ คะ เช้าวันนั้นน่ะ อิชั้นยังอยู่ที่โรงบาล 30 ไมล์ดาวน์เซ้าท์ไปเลยนะคะ แต่พอถึงบ้าน วางลูกลงเตียง ก็รีบไปรับอาหารที่สั่งไว้ในทันที กะไว้ว่า เดี่ยวไปรับมาแล้วจะของีบซะหน่อย เพราะไม่ได้นอนมามากกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว พอตื่นแล้วค่อยอุ่น จัดโต๊ะ แพ๊คให้คุณซะมีเอาไปฉลองแต๊งส์ฯ ที่ทำงาน แยกๆ กันฉลองตามปกติเหมือนทุกปี

page-486

พอไปรับไอ้กล่องปริศนามาแล้ว ถึงบ้าน เปิดดูซะหน่อย (ตอนที่รับกล่องมา คนขายบอก Instruction is in the box!) พอเปิดออกมาต้อง ผงะ! เฮ้ยยยย…. ไอ้ไก่งวง ยังโฟรเซ่นแข็งโป้ก นี่ดีนะที่เปิดดูก่อน ไม่วางไว้แล้วหนีไปนอนเลย พออ่านวิธีทำ วิธีอุ่น ก็อยากร้องไห้เลย ไอ้นกยักษ์นี่ต้องเอามา Thaw ในตู้เย็นธรรมดา 2-5 วันก่อนอุ่น ห้ามทิ้งไว้ในอุณภูมิห้อง เวลาอุ่นก็ใช้ไฟ 325°F อบไป 2 - 2.5 ชั่วโมง ตายห่าละกรู… ทำไงดีกะไอ้ก้อนนกยักษ์น้ำแข็ง อย่างที่บอกแหละ เป็นคนฉลาดมาก 5555 เลยเอาไอ้ไก่งวงไปอาบน้ำร้อนซะเลย แบกนกยักษ์ไปลงกะมังในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำร้อนล้วนๆ ลงไป พอมองดูแล้วก็ขำ 5555 Turkish Bath เป็นอย่างนี้นี่เอง โปรดดูรูปข้างล่างในอ่างสีเขียวแอ๋นนั่น 55555 แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้น 2 ชั่วโมง เปิดน้ำร้อนให้ไหลเบาๆ ไปตลอด …. ลุ้นกันต่อไป อ้อ..ในกล่องมีให้ครบนอกเหนือไปจากเจ้าไก่งวงแล้วก็มี Turkey Stuffing, Mashed Potatoes, Turkey Gravy, Cranberry Sauce, Green Bean Casserole, Butter Rolls, และ Pumpkin Pie ส่วนวิปครีมต้องซื้อเองต่างหาก เพราะเป็นหัวหน้าแผนกดิ้นรนมาตลอดชีวิต เลยลากซื้อแฮมมาด้วย 1 ก้อนเล็ก (4 ปอนด์) ไม่เคยทำเลยนะ แต่เห็นว่าลูกผัวชอบกินกัน แล้วก็ไม่ลืมลากสับปะรดกระป๋องมา 1 กระป๋อง กับ Cloves อีก 1 กระปุก

page-488

ระหว่างที่รอไก่งวงละลาย อิชั้นก็รีบใช่เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เป็นประโยชน์ รีบ “อบ” แฮม เพราะอยากประหยัด ไม่อยากเสียตังค์ซื้อแฮมดินเน่อร์ ซึ่งราคา 49.99 เท่ากัน เลยขอลองอบเอง อะไรๆ มันต้องมีครั้งแรกเสมอใช่ป่าว ถูก-ผิด ดี-ชั่ว ยังไงก็ลุ้นกันไป เริ่มจากเอาแฮมมาผ่าครึ่งซีกเลย คิดว่าอบเป็นก้อนโด่ๆ มันไม่น่าจะฉ่ำชุ่มอย่างที่ควรจะเป็น จากนั้นก็สาดน้ำตาลทรายแดงลงไป เขวี้ยงไอ้ cloves ลงไป ราดด้วยน้ำสับปะรด แล้วจบด้วยการโปะสับปะรดลงไป อบที่ 325°F ไป 2 ชั่วโมง ตอนที่อบนะ..บ้านหอมหวานๆ กลิ่นน้ำสับปะรดกรุ่นไปทั้งบ้านเลย พอเอาออกจากเตาอบไอ้สับปะรดก็เหี่ยวๆ ไปหน่อยนึง เอา อลูมิเนียมฟอยด์ปิด ตั้งพักไว้

page-487

ไปลากไอ้ไก่งวงที่อาบน้ำ turkish bath อยู่นานเชียว คุณนายเค้าคงได้รีแล๊กซ์พอสมควรแล้ว 5555 แช่ทั้งถุงเลยนะ มันห่อมาแบบ vacuum-seal ก็เลยไม่ต้องห่วงว่ามันจะจืดจางอะไร จากนั้นตัดออกมาจากถุง วางบนตะแลงแกง จับมัดตราสังข์ 5555 ม่ายช่ายยยย… เอาเชือกที่เค้าให้มาคล้องในตำแหน่งที่เค้าบอกไว้ เวลาอบเสร็จจะได้ยกออกจากถาดที่อบมาวางบนจานที่ตกแต่งสวยงามได้โดยสะดวก แต่อิชั้นวางตั้งโต๊ะทั้งถาดอลูมิเนียมฟอยด์นั่นเลย จากนั้นเอาน้ำมันพืชชะโลม มิใช่แทนนิ่งออยนะคะ 555 เอาใส่เตาอบ อบไปเลย 2 – 2.5 ชั่วโมง อิชั้นก็นั่งๆ นอนๆ ดูมีวี เผลอหลับไป แล้วสะดุ้งตื่น ก่อน timer ที่ตั้งไว้ 2.5 ชั่วโมงซะอีก โห…. อีไก่งวงของอิชั้น มันเกรียมซะมากมายเลยค่ะ กลายเป็น Turkey Jerky เลยค่ะ ลืมมันไว้ใน Tanning Bed นานไปหน่อย เอาวะ ครั้งแรก ผิดเป็นครู (ไม่รู้จะมีครั้งที่ 2-3-4-5 หรือป่าว 5555) จากนั้นก็ทะยอยเอาไอ้พวกเครื่องเคียงมาอบที่ละถาด สองถาด เสร็จสรรพ ตั้งโต๊ะ มีแขกผู้มีเกือกมารับทาน 2 คน คือไอ้สตี๊ฟ พี่เขยใจม๋า กับเมีย (ก็ไอ้พวกอินลอว์ของอิชั้นมันกัดกันนุงนัง ไอ้คู่นี้ไม่มีที่ไป อิซะมีของอิชั้นก็เกิดใจงาม โทรไปชวนเค้า ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่อยู่กินด้วย) ก็กินๆ คุยๆ กันไป ก็ถือว่า having good time พอสมควร อิชั้นเองง่วงเพราะอดนอนจนรู้สึกพะอืดพะอม อยากอ้วกอย่างบอกไม่ถูก แต่พอฟาดเบียร์เข้าไป 2-3 ขวด กระปรี้กระเป่าขึ้นมาเชียว คุยกะพี่สะใภ้ชาวจีนที่อ่อนวัยกว่าเยอะ สนุกสนานกัน 2 คน รู้เรื่องมั่ง-ไม่รู้เรื่องมั่ง ก็คุยกันอยู่เป็นนาน พอใกล้ 2 ทุ่มก็เลยจัดสำรับไปส่งให้ซะมีที่ที่ทำงาน สองคนผัวเมียก็เลยลากลับไป

page-489

ไก่งวงที่อบจนแห้งแก่ก ไม่มีใครกิน วันนั้นก็แล่แจกกันคนละนิดละหน่อยพอเป็นพิธี เหมือนกิน cardboard เลย 5555 ก่อนเข้านอน (ทั้งๆ ที่โคตรง่วง) ได้ตัด แคะ แกะ และเนื้อนกยักษ์นั่นออกจนเกลี้ยงเกลา เก็บแช่ฟรีซเซ่อร์ไว้ พอบ่ายๆ วันเสาร์นั่งรอให้เค้าเอารอมมี่มาส่งคืน ก็เลยหุงข้างเหนียวแล้วเอาเนื้อไก่งวงที่แช่แข็งไว้ออกมาทำไก่งวงคั่วเค็ม ทำแบบหวานๆ เค็มๆ เพราะรอมมี่ชอบ เคยทำเวลามีไก่หมุนที่ซื้อมากินไม่หมดแกะเนื้อแล้วแช่เก็บไว้ พอรวมได้เยอะหน่อยก็เอามาทำไก่คั่วเค็มให้ลูกกินเล่น แต่ไม่เคยทำไก่งวงคั่วเค็มเลยนะ ทำไปทำมา คนไปคนมา กลายเป็นไก่งวงหยอง 5555 คงเก็บไว้กินเล่นได้หลายวัน ดีกว่าทิ้งเน๊าะ ถ้าหมาแจ๊คสันยังอยู่ ก็ไม่ได้กินกันหรอก ไอ้ไก่งวงหยองเนี่ย 55555

GiveThanksHappyHolidays

ยังไงก็ Happy Thanksgiving ย้อนหลัง แล้วก็เตรียมตัว Happy Holidays กันนะคะ ปีนี้บ้านเรายังตกลงกันไม่ได้เลยว่าจะตั้งต้นคริสต์มาสหรือป่าว ปกติเราจะลากต้นคริสต์มาสและเครื่องประดับประดาออกมาเตรียมไว้ แล้วเริ่มตั้งต้นและตกแต่งกันในคืนแต๊งส์กีฟวิ่งเป็นประเพณีปฏิบัติทุกปี ปีนี้ครอบครัวเราดู อืดๆ หนืดๆ งงๆ เป็นบ้ากันไปแล้วมั๊ง 555555 ลงเอยยังไงแล้วจะมาเล่าให้ฟังค่ะxoakst-happyholidays2