Friday, November 13, 2009

Where the Wild Things Are

 

wtwa

ช่วงที่รอมมี่ไปแค้มป์ สามีอิชั้นต้องไปหาหมอเพราะเจ็บป่วยนิดหน่อย เลยลาป่วยซะ 1 วัน อิตาคนนี้ไม่เคยไปทำงานสาย ไม่ค่อยลาป่วย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เพราะไม่ได้เจ็บป่วยหนักหนาอะไร หลังจากพบแพทย์ก็เลยแวะไปช๊อปปิ้งกันนิดหน่อย กินอะไรอร่อยๆ กัน พอจะขับรถกลับบ้านเลยชวนกันไปดูหนังเด็ก (เล็ก) จริงๆ แล้วอิพ่อมันอยากดูเรื่อง Astro Boy ส่วนอิแม่มันอยากให้ไอ้ตี้ดูหนังที่เค้าสร้างจากหนังสือเยาวชนคลาสสิค อิแม่ชนะอยู่แล้ว 5555แถมเป็น Big Fan ของพี่ James Gandolfini (Tony Soprano) ซึ่งเป็นผู้ให้เสียงไอ้สัตว์ประหลาดที่มีบทนำ ชื่อ Carol ในเรื่องนี้ด้วย (ไอ้เอสโตรบอยเนี่ย ใช่ที่เป็นหนังการ์ตูนทีวีที่ดูกันตอนเด็กๆ เรื่องเจ้าหนูปรมาณู ที่มีสิงโตผู้ช่วยชื่อลีโอ ใช่หรือปล่าวพี่อ้วน…. ช่วยตอบที)

where-the-wild-things-are

Where the Wild Things Are เป็นหนังสือที่เด็กๆ ทั่วโลกได้อ่าน ไม่ว่าจะอ่านที่บ้านหรือที่โรงเรียน หลายๆ แม่ดิ้นรนซื้อหามาให้ลูกได้อ่าน ได้มีในครอบครอง กลัวลูกจะตกเทรนด์ กลัวว่าตัวเองจะเป็นแม่ไม่มีรสนิยมวิไล กลัวว่าจะเป็นแม่ประเภท uneducated 5555 เลยต้องพากันซื้อหน้งสือ classic & well-known children books อย่างพวกหนังสือของ Dr. Seuss ที่เป็น Bestselling of all time 555 เช่น Green Eggs and Ham, The Cat in the Hat, and One Fish Two Fish Red Fish Blue Fish เป็นต้น หลายๆ แม่ value การอ่าน หลายๆ แม่ซื้อมาไว้ประดับบ้านและตู้หนังสือเพื่อเสริมบารมี อิชั้นเป็นแม่ที่ส่งเสริมการอ่าน แต่ทุนทรัพย์มีน้อย อันไหนพอซื้อได้ก็จะซื้อ ถ้าแพง…ก็ฝัลลลล์…ไปเถอะลูก หนังสือที่จะซื้อให้ลูก อิชั้นต้องสกรีนก่อน หนึ่งปัจจัยในหลายๆ ปัจจัยที่อิชั้นนำมาร่วมตัดสินเวลาซื้อหนังสือให้ลูกคือ รูปภาพสวย เจริญหูเจริญตา นอกเหนือไปจาก เนื้อหา แง่คิด คุณภาพ และราคาเป็นลำดับต้นๆ เพราะฉะนั้นบ้านเราไม่มีหนังสือ Where the Wild Things Are และ Dr. Seuss’s Bestselling books แน่นอน รูปภาพและคุณภาพมันไม่สวยงามเอาเลยเชียว แต่ไม่ต้องกลัวว่าลูกสุดที่รักของอิชั้นจะพลาดหนังสือพวกนี้ เพราะมีให้เห็น ให้อ่าน ได้ทุกโรงเรียน ทุกห้องสมุด หรือบางทีพบได้ตามคลีนิคต่างๆ ด้วย โชคดีที่ลูกชอบอ่านหนังสือ ทริปช้อปปิ้งที่ลูกชอบและใช้เวลาอยู่ได้นานๆ คือ ร้านหนังสือ Borders รองลงมาคือ Barnes & Noble และอนุญาตให้ซื้อหนังสือได้ 1-2 เล่มเท่านั้น เพราะแม่…บ่อจี๊ 5555

where-the-wild-things-are-poster-1

ด้วยสติปัญญาที่อิชั้นมีอยู่บ้าง….เท่าที่มีนั่นแหละ 555 กับไอ้หนังสือที่กล่าวข้างต้น (โดยเฉพาะของด๊อกเต้อร์ซู้สส์) ดิฉันได้อ่าน แล้ววิเคระห์ตามอำเภอใจและอิงหลักวิชาการ (Analytical Reading ที่เล่าเรียนมา 555) หรือในแง่จิตวิเคราะห์ เนื้อหา คุณประโยชน์ psychology หรือ symbolism พออ่านแต่ละเล่มจบแล้ว มันไม่ให้แง่คิดดีๆ สร้างสรรค์ หรือ ให้แง่คิด แบบ… นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 555 ที่เด็กๆ จะได้บ้างก็คือคำคล้องจองรูปและเสียง rhymes แต่ความคิดและมุมมองของคนเราต่างกัน ไทย จีน แขก ฝรั่งก็คิดต่างกัน อิชั้นคิดว่าฝรั่งให้ความสำคัญถึงเรื่องจินตนาการ เพ้อฝันมากกว่าคนไทย ที่เน้น เหตุและผล คุณและโทษ มากกว่า อิชั้นอ่านไอ้หนังสือ Where the Wild Things Are แล้วก็ได้แค่ There’s nothing really, Max, he’s just a problem child..!! Please don’t take it personal…it’s just my opinion. นะคะ

wildthings

จากหนังสือ รูปและเรื่อง ไม่น่าสนใจเลยสำหรับอิชั้น แต่สำหรับเด็กๆ อิชั้นไม่ทราบ นอกจากเด็กโตที่บ้าน ซึ่งได้อ่านนิทานเล่มนี้หลายรอบ คำตอบที่ได้ก็คือ “ไม่เห็นสนุกเลย” 5555 พอถามว่าอยากดูที่เค้าทำเป็นหนังมั๊ย แม่จะพาไปดู คำตอบที่ได้คือ “Nah ah” ที่อิชั้นพาไอ้ตัวเล็กไปดูก็เพราะคิดว่าลูกอาจชอบหรือสนใจ ปรากฏว่า… ไอ้ตี้ไม่หันไปมองจอหนังเลย สนุกสนานกับเก้าอี้ที่พับได้ เอ็นจอยข้าวโพดคั่วและเครื่องดื่ม เล่น armrest ที่พับขึ้นลงได้ เดินเล่นไปมา ไม่หลับเลย เจ้าก๊อตตี้ไม่ได้ก่อกวนผู้ชมคนอื่นๆ ในโรงเหนังเลย ลูกไม่ได้ส่งเสียงดังอะไร แล้ววันนั้นเป็นวันจ้นทร์ โรงหนังโล่งโจ้ง มีอีกครอบครัวนึง แม่กับลูกรุ่นจิ๋ว รวมแล้วหนังรอบนั้นมีผู้ชมแค่ 7 คน รวมเรา 3 คนพ่อแม่ลูกด้วยนะ ส่วนอิพ่อมันหลับกรนคร่อกตั้งแต่กลางๆ เรื่องจนจบ อิแม่มันก็ดูๆ ไปงั้นๆ ชื่นชมงานสร้างเค้า เป็น production ที่ใช้ได้ทีเดียว คอสตูม ตัวสัตว์ประหลาดทั้งหลายทำรายละเอียดได้ดี ขนเกรอะกรัง รุงรัง ดูสกปรก มองแล้วน่าจะเหม็นสาป มีจมูกชื้นๆ เหมือนหมูหมาแมวจริงๆ บางทีมีขี้มูกไหล ตา จมูก ปาก ขยับเขยื่อน ได้เหมือนจริง แต่มาสะดุดตาสะดุดใจกับ 1 ตัวละคร 555 ขอขำก่อน 555 เจ้าตัวนั้นคือ The Bull เป็นตัวที่ชอบ isolated จากกลุ่มตลอด แต่ก็ตามๆ เค้าไปนะ ทำอะไรก็ทำด้วย เงียบๆ สังเกตการณ์ observed จนเหมือน antisocial ไม่มีบทพูดจา เหมือนใครคนหนึ่งที่อิชั้นรู้จักเป็นอย่างดี กร๊ากกก……ผัวของอิชั้นเองเจ้าค่าาา…. 55555

where-the-wild-things-are-posters

“Where the Wild Things Are” is a 1963 children's picture book by American writer and illustrator Maurice Sendak, originally published by Harper & Row. The book has been adapted into other media several times, including an animated short, an opera, and, in 2009, a live-action feature film adaptation and video game. As of 2008, the book has sold over 19 million copies worldwide according to HarperCollins.

Plot : The book tells the story of Max, who one evening plays around his home, "making mischief" in a wolf costume. As punishment, his mother sends him to bed without supper. In his room, a mysterious, wild forest and sea grows out of his imagination, and Max sails to the land of the Wild Things. The Wild Things are fearsome-looking monsters, but Max conquers them "by staring into their yellow eyes without blinking once", and he is made "the King of all Wild Things", dancing with the monsters in a "wild rumpus". He soon finds himself lonely and homesick, and he returns home to his bedroom, where he finds his supper waiting for him, still hot.

THANKS >> http://en.wikipedia.org/wiki/Where_the_Wild_Things_Are