Wednesday, December 30, 2009

ชาวลาวที่เคยอยู่อีกฟากฝั่งโขง

 

clip_image001

สุรชัยสามช่า
clip_image002
มาละเหวย มาละวา ตีกลองสามช่า สุรชัยจะร้องเพลง
เพื่อนฉันเป็นลาว ตัวขาวน้อยมน ๆ

ฐานะยากจน แต่เป็นคนน้ำใจไมตรี
เนื้อตัวก็ใสสะอาด ขาวผ่องผาดสง่าราศรี
น้ำใจยิ่งดูเข้าที ก็เพราะมีความหวังตั้งใจ
น้ำโขงไม่เคยขวางกั้น น้ำจันไม่คดโกงใคร
น้ำใจสามัคคีเมื่อไร ยกจอกย้อมใจสัมพันธไมตรี
เอ้า..กรึบ การารึบ กรึบ กรึบ
น้ำโขงไม่เคย คั่นความสัมพันธ์ น้ำจันไม่เคย..แบ่งชาติชนใด
มาละเหวย มาละวา ตีกลองสามช่า สุรชัยจะร้องต่อ
เพื่อนฉันเป็นญวนชอบชวนฉันเล่นเปลไกว
เพื่อนญวณฉลาดหัวไว สมองใสขยันการงาน
ปลูกผักสวนครัวขายส่ง ฐานะมั่นคงไม่อดอาหาร
สาวญวณยิ่งดูชื่นบาน มีชื่อมานานผิวนวลผิวนวล
น้ำโขงไม่เคยขวางกั้น น้ำจันไม่คดโกงใคร
น้ำใจสามัคคีเมื่อไร ยกจอกย้อมใจสัมพันธไมตรี
(เอ้า) มาละเหวย มาละวา ตีกลองสามช่า สุรชัยจะโซโล่
**
น้ำโขงไม่เคยคิดแบ่ง เป็นกำแพงชนชาติชนชั้น
น้ำโขงเมื่อเป็นน้ำจัน มาลัยสัมพันธ์จะคล้องคอเธอ
เพื่อนฉันขะแมร์ รักจริงไม่แพ้ลาวญวณ
น้ำคำคร่ำครวญ ชอบชักชวนร้องรำทำเพลง
ทำนาประสาบ้านนอก ใส่เสื้อดอกตะกรุดของขลัง
สู้การสู้งานจริงจัง ไม่หักหลังคดโกงผู้ใด
ไทยเขมรลาวญวณ ชักชวนคบหากันไป
แหลมอินโดจีนและไทย ใช่อื่นไกลเชื้อสายสัมพันธ์
น้ำโขงไม่เคยคิดแบ่ง เป็นกำแพงชนชาติชนชั้น
น้ำโขงเมื่อเป็นน้ำจัน มาลัยสัมพันธ์จะคล้องคอเธอ
น้ำโขงเมื่อเป็นน้ำจัน มาลัยสัมพันธ์จะคล้องคอเธอ
น้ำโขงเมื่อเป็นน้ำจัน มาลัยสัมพันธ์จะคล้องคอเธอ
น้ำโขงเมื่อเป็นน้ำจัน มาลัยสัมพันธ์จะคล้องคอเธอ
ไปละเหวย ไปละวา สุรชัยสามช่า ขออำลาขอลาไปก่อน
ไปละเหวย ไปละวา สุรชัยสามช่า ขออำลาขอตัวไปต่อ

clip_image002[1]

เริ่มด้วยเพลงเพื่อชีวิตเลย 55555 เพราะมันถูกใจใช่เลย (แต่เพื่อนๆ ชาวลาวของอิชั้นมันไม่ยากจนอย่างเพลงหรอกนะคะ) เรื่องที่จะพล่ามวันนี้...ยาววววว......มากกกก..... เป็นเรื่องที่อยากเล่ามากๆ เกี่ยวกับเพื่อนร่วมโลก ร่วมเมือง มิใช่ร่วมบ้าน เพื่อนๆ ที่จะกล่าวถึงพวกนี้เป็นชาวลาว ลาวแท้ๆ ไม่ใช่เก๊ๆ พวกที่อยู่อีกฟากของฝั่งแม่น้ำโขง คนไทย (ส่วนใหญ่) ชอบเรียกคนอีสานว่า “ลาว” ไม่ลาวเฉยๆ ซะด้วย ต้องจิกหัวหน่อยๆ เหมือนเป็นฝูงชนที่ต่ำต้อยด้อยค่าซะจริงๆ เช่น อีลาว บักลาว 55555 ที่ขำเพราะอิชั้นก็เป็นคุณสานโดยกำเหนิดค่ะ แต่เป็นลูกผสม “พันธุ์ทาง” หลายสายเลือดค่ะ ไม่รู้สึกเจ็บปวด หรืออับอาย เวลาใครเรียกจิกๆ ว่าเป็นลาว เพราะอิชั้นไม่ใช่ลาว (เรียกอีบ้านนอก-ยังไม่โกรธเล้ยยยย ธ่อ...อีในเมือง) แต่จะขำและงงๆ ตรูว่ายน้ำข้ามโขงมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ ไม่ยักกะรู้ตัว โคราชนี่เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศลาวเหรอวะ หรือว่าแม่น้ำโขงย้ายภูมิลำเนามาอยู่แถวเขื่อนลำตะคลอง แผนที่โลกเปลี่ยนเลยนะนั่น โอ...มาย บุ๊ดด้า หรือว่า โรค “โลกอุ่น-โกลบ้อลวอล์มมิ่ง” คุกคาม 55555 หรืออีพวกนั้นบ้ากะโหลกหนาปัญญาทึบ 5555 น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านิ

ตั้งแต่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ต่างประเทศ 55555 ก็มีเพื่อนหลายๆ เชื้อชาติ (รวมทั้งชาติหน้า ชาติม๋าก็มี 5555-บักแจ๊คสันไง) มีเพื่อนชาวจีนเมนแลนด์ จีนไต้หวัน เกาหลี แขกอินตะละเดีย แขกปากีฯ คะเนเดี้ยน เขมร ม้ง(คนภูเขาจากขุนเขาในลาวและเวียดนาม) เวียดนาม ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย ที่รู้จักเป็นเพื่อนคบหามากที่สุดเป็นเพื่อนชาวลาวค่ะ เริ่มต้นรู้จัก 1 คน แล้วแนะนำชักพากันไปปาร์ตี้หลายๆ หนเข้า ตอนนี้มีเพื่อนลาวรวมๆ แล้วครึ่งค่อนร้อยได้มั๊ง ที่ยกมาเล่าสู่กันฟังนี้เพราะรักใคร่กันดี มิได้เกลียดชังหนังหน้ากันแต่ประการใด อยากให้ท่านผู้อ่านได้รับความบันเทิงเท่านั้นเอง ไม่ต้องเอาไปเติมเพิ่มข้อมูลลงใน เอน-ไซ-โคล-พิ-เดีย ใดๆ ทั้งสิ้น

“พวกมัน” ที่เป็นเพื่อนๆ ของอิชั้นมันก็มีทั้งน่ารัก น่าชัง น่ากอด น่าถีบ น่าขำ น่าหมั่นไส้ ปนๆ กัน ตามปกติของเฉกเช่นมวลมนุษย์ทุกๆ ชาติในโลก ส่วนใหญ่เป็นคนมีน้ำใจงาม ขอนำสิ่งที่ “โดดเด่น” ของพวกมันมาเล่าสู่กันฟังละกัน (บางคนมันอ่านภาษาไทยออกซะด้วย 55555 เพราะคาราโอเกะไทย หนังไทย ทีวีไทย และเคยอยู่ในศูนย์อพยพในไทยกันตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหลายปี กว่าจะได้ย้ายไปอยู่ประเทศที่ 3) อีกเหตุผลหนึ่งที่อยากนำมาเล่าให้ฟังเพราะ มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัว และคิดว่าทุกๆ ท่าน อาจจะไม่มีวันได้ประสบ พบ เห็น หรือ ได้ยิน ได้ฟังมาก่อน วิถีการดำเนินชีวิตและรสนิยมของมนุษย์เรานั้นช่างแตกต่างกันเหลือหลาย น่าสนใจดีค่ะ

เข้าเรื่องพวกเพื่อนชาวลาว ของอิชั้นเลยดีกว่า เฟรสโน่เป็นเมืองใหญ่ติดกันกับเมืองจิ๋วๆ ที่อิชั้นย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่นั้น เฟรสโน่-เป็นเมืองแรกๆ ที่เค้าขนเอาคนอพยพหนีสงครามเวียดนาม สงครามลาวแตกเข้าสู่ยุคคอมฯ (คอมมิวนิสต์ย่ะ ไม่ใช่ คอมพิวเต้อร์) สงครามคิลลิ่งฟิลด์ล้างเผ่าพันุ์ในเขมร คือประมาณปี 1975-80 ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขไม่ชัดเจน เพราะมิได้ค้นคว้าศึกษาอย่างเป็นทางการ ได้รู้ได้ฟังจากคนใกล้ตัว พวกเพื่อนๆ ชาวอพยพ (นานาชาติ) และ จากการได้ยิน ได้ฟัง จากโทรทัศน์และวิทยุท้องถิ่นมา สรุปว่าขนยกโขยงมามากมายหลายแสนคนเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้นนนนนน (น่ะนะ) เค้าเล่ากันว่า เป็น “ม้ง” (Hmong-คนภูเขาหรือแม้วที่ไม่ใช่คุณทักษิน 5555) ซะ 2-3 แสนคนได้ เป็นคนเวียด คนลาว และคนเขมร รองๆ ลงมาตามลำดับ จากนั้นก็แต่กิ่งก้านสาขา ออกแม่แผ่ลูก โยกย้ายกระจัดกระจายไปทั่วประเทศนี้เลย แต่เมืองข้างบ้านก็ถือว่าเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่มากๆ ไม่แพ้กลุ่มที่อยู่แถวรัฐมินิสโซต้า และที่ประเทศฝรั่งเศส

เนื่องจากชาวอพยพพวกนี้มาตั้งถิ่นฐานที่นี่หลายสิบปี และยังอำนวยความสะดวกกับอิชั้นในการซื้อหาข้าว ปลา อาหาร พืชผัก เครื่องครัวของใช้ได้อย่างชนิดที่เหมือนกับที่เคยซื้อ เคยใช้ หรือ เคยเห็นเมื่อครั้งยังอยู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร หรือถ้าไม่เหมือนเปี๊ยบก็ใกล้เคียงทีเดียว เผลอๆ หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง ไม่เคยพบ ไม่เคยรู้ว่าสินค้าบางอย่างมีขายมีผลิตกันขนาดนี้เชียวหรือ เพราะบางอย่างเขาเพื่อส่งออกเท่านั้นจริงๆ ชาวไทยในเมืองไทยอาจจะไม่เคยทราบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยใช้ เลยก็ว่าได้ อย่างพวกแมลงทอดนานาชนิดในรูปกระป๋อง พริกแกงในหลายๆ รูปแบบ เป็นซอง เป็นกระป๋องจิ๋ว เป็นถังใหญ่ ปลาร้าผง ปลาร้ากระป๋อง ปลาร้าขวด ปลาร้ากระปุก ปลาร้าปลาช่อน ปลาร้า ปลาส้ม ปลา...สารพัด แรกเห็นแล้วตะลึง เดินดูเดินอ่าน เพลินดี (มีหลายๆ อย่างที่ไม่ได้ซื้อมาลองรับทานเพราะยังไม่เคยคิดไปออกเกมส์โชว์-เฟียแฟ๊คเต้อร์ 555) มากมายหลายสิ่งจนน่าทึ่ง และรู้สึกภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เพราะสินค้าในร้านของชาวอพยพพวกนี้ 95% นั้นเป็น Product of Thailand คนไทยนี่เก่งจริงๆ

clip_image003

พูดถึงการพูดจาปราศรัย ของชาวลาวเพื่อนๆ ของอิชั้น ช่างน่าสะพรึง สะ-หยด-สะ-หยอง มากๆ ขอเรียกเพื่อนๆ กลุ่มนี้อย่างให้เกียรติว่า “พวกมัน” แล้วกัน 5555 ไม่หยาบคายแต่ประการใด เพราะถ้าไปคุยกะพวกมันจะแบบ ชะอึ๋ย ขนาดนี้กันเลยเหรอฟะ ไม่ได้เหมารวมว่าชาวลาวทั้งหมดจะ “เถื่อน-ถ่อย-ถุน” แบบนี้ไปทั้งหมด พวกมันเรียกกันเองมียศนำหน้าทู้กกกก...คน อี+ตามด้วยชื่อ อีนั่น อีนี่ เป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่มิได้ทะเลาะเบาะแว้ง หรือ ด่าทอกันแต่อย่างใด แล้วอวัยวะสืบพันธุ์ชายหญิงก็ไม่มีชื่อเล่นอย่างน่าเอ็นดูแบบของไทยเรา เรียก จุดๆๆ+สระอี กับ ควายที่ไม่มีสระอา กันอย่างไม่กระดากปาก พูดกันได้ถึงอกถึงใจ ไม่อายกัน รู้จักพวกมันใหม่ๆ ก็แบบ สะอึกจึ๊กกะดึ๋ยมากๆ อายเอง เขินสุดๆ ขนาดไม่เคยเอ่ยคำนามพวกนั้นเลย ได้แต่ฟังแล้วทำขำ ทำฮาตามๆ เค้าไป (ขำแบบเซ่อๆ โง่ๆ น่ะ ทำกันเป็นปล่าว 5555) พอมิให้รู้สึกแปลกประหลาด หรือ กระแดะในสายตาพวกมัน แต่ก็ไม่เคยบังอาจผสมโรงพูดแบบนั้น ไม่กล้าอะ มันหยาบไปหน่อย ละอายแก่ใจ ทั้งๆ ที่อยู่เมืองไทยก็เป็นคนทะลึ่งตึงตังพอควรอยู่ แต่ไม่ได้หยาบโลนแบบพวกนี้อะ มันต่างกันน่ะ อธิบายยากจังวุ้ย

clip_image004

มาถึงเรื่องการแต่งกาย ทั้งชายหญิง รุ่นๆ จนถึงรุ่นป้าๆ ลุงๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกันจะแต่งสไตล์และเทรนด์เดียวกันเปี๊ยบ ชนิดที่อาจเรียกว่ายูนิฟอร์มก็ได้ ไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่รู้จักกัน พวกมันแต่งตัวกันยังไง เทรนด์ไหน เอาแบบที่ได้เห็นๆ อยู่เทรนด์ปัจจุบันละกัน พวกหญิงตั้งแต่สาวรุ่นจนถึงคราวแม่ ในฤดูร้อนจะนิยมใส่สายเดี่ยวเสียวหลุดยี่ห้อ bebe ต่างสีกันไป กางเกงยีนส์ที่นิยมสุดๆ ตอนนี้ คือ เซเว่น-ฟอร์ออลแมนคายด์ พอพวกมันมาพร้อมๆ กันหลายๆ คน เหมือนมีแข่งกีฬาสี 5555 เหมือนกันโม้ดดดดด.... เสื้อต่างๆ สี เท่านั้นเอง ขาวๆ ดำๆ จะซ้ำบ่อยสุดๆ พอหนาวๆ ก็ใส่แจ๊ดเก็ตหนังบู้ทหนังถึงเข่าเหมือนกันโม้ดดดดด... เสื้อตัวในก็ “บีบี้” อย่างเดิม ผมก็ทรงเดียวกัน ย้อมสีบลอนด์เหมือนกัน ไฮไล้ท์ สตรีกบางหนาเหมือนๆ กัน มองข้างหลังเหมือนฝาแฝด เมื่อไม่นานมานี้ฮิตย้อมผมดำปี๋-ผีดิบ เหมือนกันหมด แต่เทรนด์นี้ฮิตอยู่ได้ไม่นาน ก็กลับมาเป็นน้ำตาลอ่อนถึงบลอนด์มีสีไฮไล้ท์ สตรีกบางหนาเหมือนเดิมกันทั้งหมดอีก ส่วนกระเป๋าถือ เมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็ ลุ๋ย-วิ-ทอง หรือ กุ๊ดจี่ เหมือนๆ กันหมด อิชั้นไม่โปร แต่พอสังเกตุเห็นว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ของจริง เพราะตัวเองมีของจริงๆ ให้พอได้ “เอ้” กะเค้าอยู่นิดหน่อยเท่านั้น มา 2-3 ปีให้หลัง ไอ้ “โค้ช” กับ “เบอเบอรี่” มาแรง โค้ชพอดูออกว่าหลายๆ คนใช้ของปลอม เพราะอิชั้นมีของจริงๆ อยู่ฝูงใหญ่ ส่วนไอ้เบอเบอรี่ไม่ทราบเลย เพราะไม่เคยมี สรุปคือ พวกมันจะ “ฮิต” สิ่งเดียวกันเปี๊ยบ(เปี๊ยบเลยนะคะ ไม่ใช่คล้ายๆ) อีกอย่างที่เด่นชัดและน่าฮามากๆ 90 ในร้อยของทุกวัยทั้งชายและหญิงจะใส่นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Movado ด้วยรุ่นและสไตล์คล้ายๆ กันเท่านั้น เห็นแล้วตลกจัง ตัวเองชอบอะไรบึ้กๆ ก็ลากไซโก้คีเนติคเรือนเก่าอันเดิมไปด้วยเสมอ พวกมันก็เบะปากใส่ว่า “นาฬิกาผัวเหรอ” 5555 ไม่โกรธหรอก ออกจะขำ อ้อ..อีกอย่าง คนลาวไม่ใช้คำว่า แฟน สามี มีคำเดียวเลย “ผัว” 5555 ไม่ถือว่าหยาบคาย ป้าคนหนึ่งเคยถามอย่างรักใคร่เอ็นดูว่า “คนนี้ผัวเจ้าบ่” ได้ยินปุ๊บต๊กกะใจ ตอนโน้นยังไม่เชี่ยวชาญหลักภาษาลาว ก็แบบ ไม่รู้จักมักจี่มาถามแบบนี้ได้ยังไง 555555 มีอีกหลายคำแหละ ไว้นึกออกเมื่อไหร่จะเอามารวมเล่มเล่าให้ฟัง เรื่องแต่งเนื้อแต่งตัวเอาแค่นี้พอ เพราะตัวอิชั้นเองก็ซกมกไม่รักษาหน้าบ้านเมืองซะด้วย

clip_image005

ขอเสริมนิดนึง ที่ใครๆ ชอบเรียกคนลาว อีลาว อีดำ อีหมูกบี้หมูกบานดั้งแบนนั้น ผิดแบบพันล้าน % เลยค่ะ เพราะชาวลาวจะผิวผ่องงามแท้ ออกจะขาวๆ ไปทุกคน ยังไม่เคยเจอคนดำเลยก็ว่าได้ แถมไม่ค่อยเจอใครจมูกบานๆ แบนๆ ด้วย จะเห็นเสริมดั้งกันอยู่หลายคนเหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วหน้าตาผิวพรรณงามทุกคน ถ้าเขมร ม้ง ก็อีกเรื่องนึงเลย โดยเฉพาะม้ง…หน้าตาและขนาด..จะ “ยูนี๊ค” มากๆ

clip_image006

เพื่อนลาวที่อิชั้นรู้จักจะปาร์ตี้ฮาร์ด เดี๋ยวเลี้ยงโน่นนี่ไม่ได้หยุด แทบจะทุกวีคเอ็นด์ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะวันเกิดผู้ใหญ่ วันเกิดลูกเล็กเด็กแดง เมาได้ตลอด ปีใหม่ฝรั่ง ปีใหม่ลาว-สงกรานต์ แต๊งส์กีฟวิ่ง คริสต์มาส วันชาติ อีสเต้อร์ ทำขวัญเข้า-ออกโรงบาล (หายป่วย) งานศพ (ตั้งกะมีคนตาย เตรียม สวด เผา พอจบก็ยังมี เฮ้าส์วอล์มมิ่ง อีก) ลูกจบปอหก จบปอแปด จบไฮสคูล วันไหนๆ ก็ได้ You name it! เลี้ยงฉลองปาร์ตี้เมาเละได้ทุกงาน หลังๆ มาต้อง “ขอบาย” บ่อยๆ ค่ะ

งานเลี้ยงไหนๆ กับข้าวกับปลา อาหาร จะเหมือนๆ เดิม เป็นยูนิฟอร์มอีกเหมือนกัน ที่เห็นประจำ ก็คือ ยำแหนมคลุก ยำ teen ไก่ ยำวุ้นเส้น ขนมจีน ส้มตำ ข้าวเหนียว ปอเปี๊ยะทอด บาร์บีคิวไก่ หมู เนื้อ ซี่โครง ย่างกันทุกงาน ฟังดูคุ้นเคน แต่รสชาติจะไม่เหมือนเลยทีเดียว พวกยำๆ จะหวานมากๆ ขนมจีนจะไม่เหมือนของไทย ส้มตำใส่กะปิด้วย แล้วก็น้ำปู เหมือนกะปิแต่ดำปี๋ อิชั้นทานได้ทุกอย่างขอแค่ไม่เผ็ดมากเกินไป พวกนี้ทำอาหารจะไม่ขาดผงชูรส “ผงนัว” ตักใส่ ตวงใส่ โกยใส่ เหมือนได้มาฟรีๆ เห็นแล้วน่ากลัวมากๆ แม้แต่พริกเกลือสำหรับจิ้มผลไม้รสเปรี้ยวก็ใส่ผงที่ว่าลงไป ถ้าเป็นน้ำปลาหวานจะโหดกว่า จะใส่พริกป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย (ติ๊ดนึง) แล้วเติม “ผง” และ สาดน้ำปลาแดกลงไปด้วย ฮ่วย.... ลองชิมดูครั้งนึง บ่ไหว บ่ไหว ข้อยบ่เอาด้วยเด้อ.... 5555 ไม่กินดีฝ่า 555 ไม่ถูกปาก ไม่ถูกใจ และไม่บังอาจ 555 แถมอีกนิด พริกเกลือของพวกม้งจะเด็ดอีกแบบ เกลือป่น น้ำตาล (ติ๊ดนึง) พริกป่น + ผงนัว และข้าวคั่วจ้า......... 555555 อันนี้ก็บ่ไหว.....

เครื่องดื่ม จะไม่แปลกประหลาดนัก จะเป็นเบียร์กระป๋อง เบียร์ขวด นานายี่ห้อ น้ำอัดลม น้ำดื่ม และไวน์ เหมือนปาร์ตี้ของชาติอื่นๆ ประหลาดนิดนึงก็จะมี บรั่นดี วิสกี้ หรือ คอนยัค รินใส่แก้วช็อต หรือรินใส่ถ้วยน้ำชากระเบื้องใบจิ๋ว แล้วก็จะมาไล่ล่า ขู่บังคับให้ทุกๆ คน “กรึ๊บ กะ ลึ๊บ กึ๊บๆ” ที่แย่ที่สุดก็ตรงที่พวกมันมักจะใช้แก้วเดียวจอกเดียวเวียนไปทั่วงาน แหวะสุดๆ เหล้าน่ะไม่กลัวหรอก เซียนอย่างอิชั้น แต่กลัวแก้วที่พวกมันใช้ตะหาก และมีอีกอีกอันที่ประหลาดสุดๆ และ สยึ๋มกึ๋ยสุดๆ ก็คือ ทุกๆ บ้าน และแทบทุกบาร์ จะมีโหลเหล้าดองยาขนาดใหญ่ยักษ์ ใส่สมุนไพร รากไม้ อัดจนเต็มโหล แล้วแช่ดองด้วยว๊อดก้าจนท่วม เคยเหลือบไปเห็น ตุ๊กแก งู อัดอยู่ในโหล 3-4 ตัวด้วย แล้วที่ไม่เห็นอีกเท่าไหร่ ฮึ... แหวะๆๆๆๆ ไม่รู้อิชั้นโดนกรอก โดนบังคับ ไปกี่ครั้ง หลายๆ ครั้งที่ต้องทนรังเกียจไอ้แก้วไอ้จอกที่ว่า นึกว่าเป็น บรั่นดี คอนยัค ก็ซดๆ กรึ๊บๆ ไปให้เสร็จๆ พอได้ลิ้มรสและกลิ่น เมาแค่ไหนก็รู้เลยว่าไอ้ซดไอ้แหวะๆ เข้าให้แล้ว เพราะกลิ่นสมุนไพรจะแรงมาก แงๆๆๆๆ แหวะๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ว่ากลิ่นไอ้พวกแอนนิม่อลพวกนั้นเป็นยังไง บอกไม่ได้จ้า

clip_image007

การแต่งเนื้อแต่งตัวอีกแบบนึงของชาวลาวบางกลุ่มและคนสูงอายุนั้นจะประทับใจอิชั้นสุดๆ เค้าคงจะมีชุดเด็ดๆ ชุดโก้ ชุดออกงาน ก็อาจเป็นได้ (รูปที่นำมาโพสต์ก็แอบๆ ถ่าย มุมกล้องเลยไม่แบบ “จะๆ” ไว้ไปพบไปเจอมาอีกจะถ่ายรูปมาให้ดูกันใหม่) เวลาท่านๆ พวกนี้ไปวัด ป้าๆ ยายๆ จะเกล้าผมมวยน่ารักเชียว ใส่เสื้อไหม ซิ่นไหม ห่มสไบเฉียง สวยงาม ส่วน ลุงๆ ตาๆ จะใส่เสื้อขาวกางเกงขาวแบบราชปะแตน แล้วห่มสไบเฉียงด้วย เวลาท่านๆ พวกนี้ไปเที่ยวบาร์ คลับ จะแต่งตัวเต็มยศแบบนี้เลยแต่ไม่ห่มสไบกัน (ส่วนลุงๆ ตาๆ จะเปลี่ยนจากสีขาวๆ เป็นสูทสากล) แล้วจะออกมาเต้น เอ็นจอยชีวิตกันตลอดงาน ฟลอร์จะหนาแน่นเป็นพิเศษ เวลาวง (ดนตรี) เล่นเพลงรำวง ทกุคนจะออกมารำวงเดินวนๆ สวยงาม เห็นแล้วน่ารักดี ชื่นชมชื่นชอบ ดูเหมือนสมัยโบราณๆ มั๊ง ไม่เคยเห็นที่เมืองไทยเลย นอกจากในหนังในละคร พอวงเล่นเพลงที่ความเร็วปานกลาง เค้าจะออกมาเต้น line dancing หรือ squar dance อะไรทำนองเนี๊ยะแหละ เป็นเหมือน “สเต็บ” ที่ใครๆ ก็รู้กัน ยกเว้นอิชั้น 5555 ทุกคนจะออกมาเข้าแถว เรียงกันหลายแถว กะระยะห่างให้พอดี เรียงกันจนเต็มฟลอร์ แล้วเต้น หันซ้าย หันขวา ก้าวหน้า ถอยหลัง อยากให้ทุกคนเห็นเพราะดูน่ารัก และ น่าสนุก อยากหัดเต้นให้เป็นเดี๋ยวนั้นเลย 5555 เคยออกไปแอบเต้นตามข้างๆ ฟลอร์ ใครเห็น ใครฮา 55555 ทำไม่ได้อ่ะ ตามไม่ทัน

อีกเรื่องที่โดดเด่นเห็นสำคัญ งง และไม่เข้าใจ ก็คือ รีเลชั่นชิพระหว่างชายหญิง ฉันท์สามีภรรยา ฉันท์คู่รัก คู่ขา หรืออะไรก็ตาม ดูเหมือนจะ สลับร่าง-สร้างรัก อยู่หลายคู่ ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนก่อนก็เห็นเป็นผัวเป็นเมียกันอยู่ อ้างไหงวันนี้เมียไอ้ ก. ไปเป็นเมียไอ้ ข. ซะแล้ว หนักสุดแบบ ไม่เจอไอ้ ค. ซัก 48 ชั่วโมงได้ พอเจออีกที อ้าว เมียมันผ่าตัดเปลี่ยนหัวมามั๊ง ไม่ใช่คนที่คุยกะเราเมื่อวันก่อนนี่หว่า 555555 ที่เอามาเล่าก็เพราะคนพวกนี้ยังมาพบมาเจอพูดคุยกันได้อีก คือ แบบยังมาสังสรรค์กันได้หน้าตาเฉย เหมือน “เราจะรวมเป็นครอบครัวใหญ่” 555555 นี่ผัวใหม่ชั้น เออนี่ก็เมียใหม่ข้า อะไรแบบนั้น แถมไอ้แฟนใหม่ ก็แบบ-เพื่อนแฟนเก่า น้องเมียเก่า พี่เพื่อน เพื่อนๆ กัน ญาติๆ กัน เอามันใกล้ๆ แบบนั้นเลย ถ้าเป็นอิชั้น “เลิกกันแล้ว ให้มันจบๆ ไป” ไม่ต้องมาเจอหน้า "ฆ่า"ตากัน อีก เป็นไปได้ก็ขอเปลี่ยนวิถีโคจรของชีวิตเลยแหละ ไม่พบ ไม่เจอ ไม่ใกล้ ไม่เกี่ยว ไม่ข้องกันอีกเลย ถ้าจะมีแฟนใหม่ ก็ขอคนละโลกเลยจะดีกว่า 555 ถ้ามันอยู่ดาวพะสุก อิชั้นจะย้ายไปอยู่ดาวพะเฉา 555555

ปล. ไอ้พวกที่เค้าปกติ-ผัวเดียวเมียเดิมก็มีเยอะแยะนะคะ หรือจะเรียกพวกนี้ว่า “พวกไม่ปกติ” ดีนะ 555